วันนี้ (15 พ.ค.2563) นายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังคงปฏิบัติตามแนวทางเฝ้าระวังและคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากนอกจังหวัดเชียงใหม่ ตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ อย่างเคร่งครัด
โดยผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ทุกคน จะต้องกรอกเอกสารการเดินทางเข้าพื้นที่ (ชม.1) ให้ครบถ้วน และส่งเอกสารคืนให้เจ้าหน้าที่ทหาร จากนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จะแนะนำการปฏิบัติตัว และกักตัว ทั้งนี้ผู้ที่เดินทางมาจากกลุ่มจังหวัด ที่พบผู้ป่วยภายใน 28 วัน จะต้องกักตัวในที่พัก (Home Quarantine) 14 วัน
ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยเลย หรือไม่พบผู้ป่วยเกิน 28 แล้ว สามารถดำเนินชีวิตปกติ ตามแนวทางป้องกันโรค (Self-Monitoring) กรณีผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศหรือเป็นชาวต่างชาติ ตามมาตรการของจังหวัด จะต้องกักตัวทุกรายในสถานที่พักของตนเอง หรือโรงแรมที่กำหนด
สำหรับผู้โดยสารขาออก จะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร และผ่านกระบวนการตรวจตามมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีการสัมผัส เช่น ถาดวางสัมภาระ รางเลื่อน X ray มีการนำเครื่องตรวจจับร่องรอยสารระเบิด แบบตั้งโต๊ะ (Explosive Trace Detector : ETD) มาใช้ในการสุ่มตรวจสัมภาระของผู้โดยสารแทนการเปิดกระเป๋า ลดการสัมผัสสิ่งของต่างๆ ของผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่
และหลังจากเช็คอินได้รับบัตรโดยสารแล้ว ผู้โดยสารต้องกรอกข้อมูลการเดินทางผ่าน AOT Airports App เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าห้องผู้โดยสารขาออก ทั้งนี้ในทุกขั้นตอนการรับบริการ ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และปฏิบัติตามนโยบาย Social Distancing อย่างเคร่งครัด