วันนี้ (19 พ.ค.2563) นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช.ได้ร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ดำเนินการโครงการจัดส่งยาทางไปรษณีย์ให้กับผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.2563 เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ดูแลผู้มีสิทธิบัตรทอง ร่วมป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19
โครงการมีการตอบรับที่ดี มีโรงพยาบาล จำนวน 398 แห่ง แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ในจำนวนนี้มีโรงพยาบาล 111 แห่ง จัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์แล้ว รวมจำนวน 27,992 ครั้ง ค่าจัดส่ง 1,399,600 บาท
ภาพ : สปสช.
ส่วนข้อมูลผู้ป่วยที่รับบริการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ทางไปรษณีย์ เมื่อแยกตามกลุ่มโรค 10 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 10 พ.ค. 63) มีดังนี้
- โรคความดันโลหิตสูง 7,128 ครั้ง
- โรคเบาหวาน 4,838 ครั้ง
- โรคติดเชื้อเอชไอวี 792 ครั้ง
- โรคหืด 743 ครั้ง
- โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง/ถุงลมโป่งพอง 629 ครั้ง
- ต้อหิน 446 ครั้ง
- โรคสมาธิสั้น 357 ครั้ง
- โรคต่อมลูกหมากโต 329 ครั้ง
- โรคลมชัก 315 ครั้ง
- โรคเบาหวาน ชนิดไม่พึ่งอินซูลิน 305 ครั้ง
ทั้งนี้ สปสช.และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หารือร่วมกัน เพื่อดูว่าจะมีแนวทางอย่างไรพัฒนาระบบการขนส่งอย่างไรให้มีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย นับเป็นบริการใหม่ในระบบการขนส่ง นอกจากเพิ่มความสะดวกการรับบริการให้กับผู้ป่วยบัตรทองแล้ว ยังรองรับบริการผู้ป่วยในรูปแบบ New Normal ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และอาจมีการต่อยอดโครงการนี้อีกในอนาคต
เบื้องต้น สปสช.กำหนดระยะเวลาดำเนินการเพียง 3 เดือน ถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ เป็นโครงการเฉพาะช่วงสถานการณ์ COVID-19 แต่ด้วยเสียงตอบรับที่ดี จึงได้ขยายเวลาเพิ่มเติมไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2563 หรือสิ้นปีงบประมาณ 2563
ภาพ : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ด้าน นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) กล่าวว่า ความร่วมมือกับ สปสช.ในครั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้มีส่วนร่วมดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ COVID-19 โดยคิดค่าจัดส่งพัสดุอัตราเหมาจ่าย 50 บาท/พัสดุ ทั้งในส่วนของน้ำหนักพัสดุและระยะทางจัดส่ง
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงข่ายจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ให้ผู้ป่วยได้ทุกพื้นที่ในประเทศ ไม่ว่าอยู่ในเขตเมืองหรือพื้นที่ห่างไกล และยังจัดส่งได้อย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ก็ตาม พร้อมมีระบบตอบรับเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยได้รับยาและเวชภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว โดยในอนาคตหากบริษัทมีการจัดส่งที่มีปริมาณมากขึ้น ในส่วนของราคาเหมาจ่ายก็อาจปรับลดได้กว่านี้ตามกลไกด้านราคา