วันนี้ (20 พ.ค.2563) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โดยศูนย์บ่มเพาะองค์ความรู้การจัดการมาตรฐานร้านสตรีทฟู้ด (Street Food Academy) เปิดตัวนวัตกรรมรถเข็นขายหมูปิ้ง-น้ำผลไม้ปั่น สุดอัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการร้านรถเข็นขายอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ ภายใต้มาตรฐานสะอาด ปลอดภัย อร่อย และดีต่อสุขภาพ
ประกอบด้วย ระบบไฟฟ้า สามารใช้ไฟจากแบตเตอรีขนาด 12 โวลต์ หรือสามารถเสียบใช้กับไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ได้ เพื่อการใช้งานได้นาน และเหมาะกับการขายในทุกสถานที่
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบวงจรไฟฟ้าให้สามารถใช้งานทั้งสองระบบร่วมกันได้อย่างปลอดภัย โดยเมื่อใช้แบตเตอรีไปพร้อมกับเสียบไฟบ้าน ระบบไฟฟ้าจะไม่ลัดวงจร สามารถใช้ไฟได้ตามปกติ
ระบบกรองน้ำดี น้ำเสีย โดยติดตั้งระบบเก็บน้ำดีไว้ใต้รถเข็น เพื่อลดพื้นที่การใช้งาน ซิงก์ล้างมือแบบใช้เท้าเหยียบเพื่อเปิดน้ำ ลดการสัมผัส เป็นไปตามมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรม รักษาความสะอาดต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณร้านค้า
สำหรับการออกแบบของรถเข็นทั้งสองประเภท มีการเลือกใช้วัสดุพื้นผิวสแตนเลสระดับมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรม มีการเชื่อมต่อโครงสร้างที่ไม่มีรอยตะเข็บ มีการเก็บมุมที่สวยงามและใช้การเจาะโครงสร้างที่น้อยที่สุด ซึ่งมีต้นทุนผลิตคันละ 50,000 บาท
อีกทั้งนวัตกรรมรถเข็นทั้งสองประเภท ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจร้านอาหารประเภทเดียวกันได้ เช่น รถเข็นหมูปิ้งหรือลูกชิ้น และรถเข็นน้ำผลไม้ปั่นหรือร้านกาแฟ
เปิดคอร์สออนไลน์ การจัดการร้านสตรีทฟู้ด
ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีการประกาศผ่อนคลายล็อคดาวน์ให้แก่ธุรกิจสีขาว ได้แก่ ร้านค้าขนาดเล็ก ร้านอาหารในที่โล่งแจ้ง และร้านอาหารริมทาง (Street Food) เป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับการอนุมัติให้เปิดกิจการได้ ภายใต้การบริหารจัดการตามมาตรฐานสาธารณสุขเป็นสำคัญ สจล. จึงเดินหน้าเปิดตัว "ศูนย์บ่มเพาะองค์ความรู้การจัดการมาตฐานร้านสตรีทฟู้ต" (Stee Food Acadm) ซึ่งทำหน้าที่ปมเพาะความรู้การจัดการร้านอาหารริมทางภายใต้มาตฐานอาหารปลอดภัย อร่อย สุขภาพดี ผ่านรูปแบบการอบรมออนไลน์ โดยผู้ขายอาหารริมทางที่ผ่านการอบรมในหลักสูตรดังกล่าว และสามารถจัดการอาหารริมทางได้อย่างปลอดภัยตามมาตรฐาน จะได้รับใบรับรองจากสถาบันเพื่อรับประกันร้านอาหารที่ได้มาตรฐานความสะอาด อร่อย และดีต่อสุขภาพ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค
ผศ.ดร.นภัสรพี เหลืองสกุล หัวหน้าศูนย์พูดอินโนโพลิส สจล. (FOOD INNOPOLIS @KMITL) กล่าวว่า ศูนย์บ่มเพาะองค์ความรู้การจัดการมาตรฐานร้านสตรีทฟู้ด (Street Food Academy) ได้ออกแบบหลักสูตรอบรมผู้ประกอบการร้านอาหารริมทางในรูปแบบออนไลน์ เพื่อการจัดการร้านค้าอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการประกอบอาหารที่ปลอดภัย ภายใต้เกณฑ์ร้านอาหารบาทวิถี ของกรมอนามัยทั้ง 12 ข้อ อีกทั้งการประกอบกิจการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ และไม่ทิ้งของเสียสู่สาธารณะ
นอกจากหลักการอาหารปลอดภัยร้านค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ผู้ขายยังต้องมีกลยุทธ์การขายที่สร้างความโดดเด่นให้แก่ร้านไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบคุณภาพ คำนึงถึงสุขภาพผู้บริโภค สูตรอาหารสร้างความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนการตั้งราคาที่คุ้มค่า เพื่อมัดใจกลุ่มลูกค้าประจำและดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่
ผู้ประกอบการร้านอาหารริมทางที่เข้าร่วมอบรมออนไลน์กับศูนย์บ่มเพาะองค์ความรู้การจัดการมาตฐานร้านสตรีทฟู้ดจะได้เรียนรู้เทคนิคการเป็นผู้ขายตั้งแต่ระดับเริ่มตันสู่สุดยอดร้านอาหาร
อีกทั้งได้เป็นสมาชิกเครือข่าย Street Food Academy และสามารถขอรับคำปรึกษาการแก้ไขปัญหา และพัฒนาร้านค้าสตรีทพูดจากผู้เชี่ยวชาญและร้านค้าในเครือข่าย
ผศ.ดร.นภัสรพี กล่าวว่า สจล. ยังได้พัฒนานวัตกรมรถเข็นขายอาหารริมทาง เพื่อมอบให้ผู้ขายอาหารริมทางที่ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และมีความต้องการรับนวัตกรรมดังกล่าวไปต่อยอดการประกอบอาชีพ ภายใต้ระบบการจัดการร้านอาหารอย่างสะอาดปลอดภัย อร่อย และดีต่อสุขภาพ พร้อมนำร่องแจกให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับการคัดเลือก จำนวน 7 คัน ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ดังนี้
1. ผู้ที่ว่างงาน หรือเคยมีอาชีพขายอาหารริมทาง แต่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
2. ผู้ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจร้านอาหารริมทางในกลุ่มอาหารประเภทปิ้งย่าง เครื่องดื่ม ผลไม้สด
3. มีความเชื่อว่าอาหารริมทางต้อง อร่อยสะอาด ปลอดภัย ไม่ต่างกับอาหารโรงแรม 5 ดาว แต่ราคาเข้าถึงได้สำหรับคนทั่วไป
และ 4. สามารถอธิบายแนวทางการประกอบกิจการที่น่าสนใจ พร้อมแนวคิดการขายของที่ช่วยสังคมได้ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19
นอกจากแผนการส่งมอบรถเข็นขายอาหารริมทางล็อตแรกจำนวน 8 คัน สจล. ยังได้พัฒนานวัตกรรมอาหารที่เก็บรักษาได้นาน ได้แก่ ข้าวเหนียวไก่ย่าง บะจ่างไก่ ข้าวต้มมัดไส้ไก่ จำนวน 1,000 ชุด เพื่อแจกให้แก่ประชาชนผู้ได้รับผลระพบด้านรายได้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19