เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การประท้วงต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจผิวขาวต่อคนผิวสี ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย และขณะนี้การประท้วงบานปลายไปทั่วสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ "จอร์จ ฟลอยด์" ชายผิวสีที่เสียชีวิตระหว่างถูกตำรวจจับกุมตัว
โดยกองกำลังเนชั่นแนล การ์ด เคลื่อนพลเข้ากระชับพื้นที่ในเมืองมินนิอาโพลิส รัฐมินนิโซตา ตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงที่ออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนนและก่อจลาจลในเมือง
การประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายฟลอยด์ ลุกลามออกไปอย่างน้อย 30 เมืองทั่วประเทศ กลายเป็นปัญหาภายในที่กระหน่ำซ้ำเติมวิกฤต COVID-19 อาทิ นิวยอร์ก, ลอส แอนเจลิส รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ขณะที่นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่าใช้ถ้อยคำที่เป็นการเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น และควรทำหน้าที่ของผู้นำประเทศหาทางให้สถานการณ์กลับคืนสู่ความสงบ หลังทรัมป์โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า สหรัฐฯ ถือว่ากลุ่มต่อต้านฟาสซิสต์หรือกลุ่มฝ่ายซ้าย เป็นกลุ่มก่อการร้าย โดยทรัมป์กล่าวหาว่ากลุ่มฟาสซิสต์และกลุ่มหัวรุนแรงอื่นๆ อยู่เบื้องหลังเหตุประท้วงรุนแรงในครั้งนี้
การประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับฟลอยด์ยังลุกลามออกไปในต่างประเทศ โดยในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีผู้ประท้วงจำนวนมากรวมตัวกันหน้าสถานทูตสหรัฐฯ โดยไม่สนใจมาตรการเว้นระยะห่างป้องกัน COVID-19 เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ประท้วงในสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประท้วงลุกลามทั่วสหรัฐฯ เคอร์ฟิวแล้ว 25 เมือง
ทั่วสหรัฐฯ ประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้ "จอร์จ ฟลอยด์"
สถานทูตฯ เตือนคนไทยเลี่ยงพื้นที่ชุมนุมประท้วงในสหรัฐฯ