วันนี้ (7 มิ.ย.2563) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รวมตัวกันบนถนนที่มุ่งหน้าสู่ทำเนียบขาว เพื่อแสดงพลังต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ขณะที่การเดินขบวนประท้วงในนครนิวยอร์ก นครซาน ฟรานซิสโก เมืองไมอามี และเมืองฟิลาเดลเฟีย เป็นไปอย่างสงบไม่มีเหตุจลาจลเกิดขึ้น โดยผู้ประท้วงในนครนิวยอร์กเดินขบวนไปตามถนนในย่านบรูคลินและย่านแมนฮัตตัน รวมทั้งกันชูป้ายต่อต้านความไม่เป็นธรรมต่อคนผิวดำ
ขณะที่ผู้ประท้วงในนครซาน ฟรานซิสโก เดินขบวนบนสะพานโกลเดน เกท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ส่งผลให้การจราจรบนสะพานหยุดชะงัก นอกจากนี้ ผู้จัดงานยังได้ร้องขอให้กลุ่มผู้ประท้วงใส่หน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางกายภาพ เพื่อป้องกันโควิด-19
ระดมทหาร 10,000 นาย รับมือประท้วง
ด้านสื่ออเมริกันหลายสำนัก รายงานว่า ทำเนียบขาวต้องการให้กระทรวงกลาโหมสั่งเคลื่อนกำลังพล 10,000 นาย เข้าไปในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเมืองอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือผู้ประท้วง ขณะที่มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว หลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้สั่งให้เคลื่อนกำลังพล 1,600 นาย เข้ามาประจำการในเมืองหลวง เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ครอบครัว "จอร์จ ฟลอยด์" ร้องยุติรุนแรง
ส่วนร่างของจอร์จ ฟลอยด์ ถูกส่งกลับมายังบ้านเกิดในรัฐนอร์ท แคโรไลนา เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า โดยสมาชิกในครอบครัวของฟลอยด์เรียกร้องให้ยุติการเหยียดผิวและการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ซึ่งเปรียบเหมือนโรคติดต่อที่ยังไม่มีทางรักษา