วันนี้ (14 มิ.ย.2563) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยมีความพยายามที่จะใช้อำนาจตาม มาตรา 8 วรรคสอง (1)(2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 เพื่อออก พ.ร.ฎ.หรือ พ.ร.บ.ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ ต.บ้านแลง ต.เชิงเนิน และ ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเขตประกอบการอุตสาหกรรมของเอกชนรายใหญ่ของประเทศ
ซึ่งจะทำให้ที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จำนวน 198 ไร่ ตกไปอยู่ในการครอบครองและใช้ประโยชน์ของบริษัทเอกชนโดยสมบูรณ์
กรณีดังกล่าวถือได้ว่า เป็นการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากที่ดินดังกล่าวชาวบ้านทั้ง 3 ตำบล ยังใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์ เป็นแหล่งประมงหาสัตว์น้ำมาบริโภคเลี้ยงชีพ เพราะที่ดินส่วนใหญ่เป็นคลองและลำรางสาธารณะ ซึ่งสามารถปรับปรุงใช้เป็นทางระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมให้กับชาวบ้านในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี และเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของชาวบ้านในช่วงฤดูแล้งได้ ฯลฯ
การที่จะเพิกถอนที่ดินสาธารณะดังกล่าว แล้วให้นายทุนเอกชนเข้ามายึดถือ ครอบครอง ใช้ประโยชน์และห้ามชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ จึงเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า คราวการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณ พ.ศ.2563 เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2562 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แถลงในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า “จะไม่ดำเนินการถอนสภาพที่สาธารณประโยชน์ให้กับภาคเอกชนโดยเด็ดขาด”
แต่กลับมีความพยายามของข้าราชการใน จ.ระยอง พยายามใช้อำนาจในการรวบรัดชงเรื่องผ่านกรมที่ดิน เพื่อเสนอให้กระทรวงมหาดไทย ออกเป็นพ.ร.ฎ.หรือ พ.ร.บ.ถอนสภาพที่ดินดังกล่าวไปให้นายทุนเอกชนเสีย ทั้งๆ ที่ยังมีชาวบ้านในพื้นที่คัดค้านอยู่อย่างเข้มแข็ง และยังใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง
พรุ่งนี้ 15 มิ.ย.2563 สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และชาว ต.บ้านแลง ต.เชิงเนิน และ ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เพื่อคัดค้านการถอนสภาพที่ดินสาธารณะดังกล่าว ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งหากมีการเดินหน้าเพิกถอนที่ดิน จะได้ใช้เป็นมูลเหตุฟ้องเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด