วันนี้ (17 มิ.ย.2563) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวว่า ภาพรวมมีร้านค้าลงทะเบียนแพลตฟอร์มไทยชนะแล้ว 197,381 แห่ง ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 333,919 คน และจากการประเมินของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง จำนวนที่ตรวจ 163,746 แห่ง พบมี 97,040 แห่ง ไม่มี 78,693 แห่ง
ผลตรวจรายวันช่วง 9-16 มิ.ย.นี้ มีไม่ถึง 40% แต่เพิ่มขึ้นลด-ลดลงในแต่ละวัน และมีแฟลตฟอร์มไทยชนะ 55% และไม่มี 45% ดังนั้นอยากให้เพิ่มการลงทะเบียนมากขึ้นเพราะจะใช้ในการสอบสวนโรคหากพบการติดเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่าส่วนคำถามประชาชนที่ลงทะเบียนแฟลตฟอร์มไทยชนะ ยังไม่สบายใจ และบางแห่งมีกระดาษ ปากกาที่เตรียมไว้จะถูกนำข้อมูลไปใช้หรือไม่ว่า ขอเน้นย้ำว่าแอปพลิเคชันไทยชนะมีคนใช้น้อยมาก และบางแห่งใช้แอปและจดกระดาษด้วย เรื่องนี้มีกฎหมายมาควบคุมดูแล มีคณะกรรมการมมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลขั้นต่ำ ของ แอปพลิเคชันนี้มีทางอีอีด ดูแลว่าจะไม่ละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคล
ส่วนการลงทะเบียนในสมุดทำได้ เมื่อเช้าไปที่ร้านตัดผมแห่งหนึ่งมีการใส่ลำดับชื่อ แต่ก็มีการถ่ายภาพไปแล้ว จึงตั้งคำถามว่าจะปลอดภัยหรือไม่ ใครดูแลความปลอดภัยในส่วนนี้
โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า ดังนั้นต่อไปต่อไปทางร้านต้องดูแลความปลอดภัยลูกค้าในส่วนนี้ อีกทั้งหากใช้แอปไทยชนะ ร้านไม่ต้องไปจัดการวมทั้งกรณีหากมีการติดเชื้อขึ้นทางร้านไม่ต้องมานั่งค้นสมุด เบอร์โทรว่าเป็นใคร แต่กรมควบคุมโรคจะทำหน้าที่ตรงนี้
นอกจากนี้ยังรวมทั้งกำลังเช็กแบบกลุ่มและจองตั่วเช่นกรณีการจองไปเที่ยวสวนสัตว์ ตอนนี้กำลังเร่งพัฒนา รวมทั้งการจองรถทัวร์ และการออกหมายเลขประจำตัวเอาไว้ส่งเสริมการขายเป็นต้น ส่วนร้านค้า ต่อไปจะให้เรตติ้ง 3 ดาว 4 ดาวหากทำดีจะได้ยอดคนเข้ามา รวมทั้งอนาคตถ้าจะมีเป็นโลโก้ ทั้งนี้ขอให้เลือกร้านที่มีแอปไทยชนะ เพราะแสดงถึงความพร้อมมากกว่า และร้านอีก 40% และต่อไปจะกลายเป็นโลโก้ด้านความปลอดภัย
ขอความร่วมมือลงทะเบียน"ไทยชนะ"
ส่วนกรณีที่พบว่าเริ่มกลับไปทำกิจกรรมทางศาสนา ทางวัดต้องมีการสแกนด้วยหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า การไปศาสนสถาน เคยมีกรณีในต่างประเทศการที่คนไปรวมกันแล้วเกิดซปเปอร์สเปดเดิร์ ในเกาหลี และเราเป็นเมืองพุทธ ถ้ามีระบบการส่วนตัว และสังคมถ้าดูแลทั้ง 2 ส่วนก็จะเพิ่มความมั่นใจได้ ไม่ใช่แค่วัดเพื่อทำกิจกรรมทางศาสนา แต่การไปเที่ยววัดถ้าไปกันมากก็จะมีปัญหา
นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการการแก้ปัญหาจากโรคติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันว่าแพลตฟอร์มไทยชนะใช้ เพื่อการควบคุมโรค กรณีร้านค้าที่ใช้สมุดจดข้อมูลผู้รับบริการ หากนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อื่นเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยร้านค้าต้องเก็บในที่ปลอดภัย เมื่อครบ 60 วัน ต้องทำลายสมุดทิ้ง
ค่าสอบสวนโรคต่อคนไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท เคสในจีนสอบสวนเป็นหมื่นๆ คน หากกำหนดคนได้จะใช้งบในการรักษาลดลง
ขณะนี้มีผู้ใช้งานระบบ 27 ล้านคนใน 197,381 กิจกรรมและกิจการขณะที่สัดส่วนการเช็กอิน-เช็กเอ็าต์ผ่านแพลตฟอร์ม อยู่ที่ร้อยละ 51 ส่วนการเช็กอิน เช็กเอ้าต์ผ่านแอปพลิเคชัน อยู่ที่ร้อยละ 92 จึงเชิญชวนประชาชนดาวน์โหลด และใช้แอปพลิเคชัน โดยยืนยันว่าทุกอย่างดำเนินการภายในกฎหมายและใช้เพื่อการควบคุมโรคเท่านั้น ส่วนคนที่ใช้ระบบ iOS ทางบริษัทต้นทางยังไม่ตอบกรณีบางส่วนได้รับข้อความสแปม เบื้องต้นแนะนำให้ปิดระบบ iMessage โดยกระทรวงฯ อยู่ระหว่างการสอบสวนกรณีนี้
ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ใช้แพลตฟอร์มไทยชนะลดลง แม้ตัวเลขไม่สูงมาก แต่ขออย่าการ์ดตก ป้องกันการแพร่ระบาดระลอก 2
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวดี! ไทยไร้ป่วย COVID-19 ต่อเนื่อง 23 วัน