วันนี้ (17 มิ.ย.2563) พ.ต.อ.ฐิตวัฒน์ สุริยะฉาย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และทีมสืบจังหวัดชลบุรี ติดตามจับกุมแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติได้ผู้ต้องหา 5 คน ประกอบด้วย
นส.พรทิวา อายุ 25 ปี เป็นเอเย่นส์ใหญ่ฝั่งประเทศไทย มีหน้าที่จัดหาและชักชวนให้หญิงไทยไปรับจ้างอุ้มบุญ ส่วน น.ส.ลลิษา มีหน้าที่นำหญิงอุ้มบุญไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและพาไปฝังตัวอ่อนที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา พร้อมทั้งดูแลบัญชีรับจ่าย และจ่ายเงินตามงวดต่างๆ ให้หญิงอุ้มบุญ และพาไปทำคลอดที่กัมพูชาหรือจีน
ขณะที่อีกคนมีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลหญิงอุ้มบุญ และอีก 2 คน เป็นหญิงอุ้มบุญ ที่คลอดทารกแล้ว แต่ไม่สามารถเอาลูกส่งไปประเทศจีนได้ เพราะติดการแพร่ระบาดโรคไวรัส COVID-19 เบื้องต้น ทั้งหมดให้การรับสารภาพ
พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 ระบุว่า จากการสอบสวน เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีหญิง 3 คน ใน อ.เมือง จ.ชลบุรี เกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มบุญ จึงได้สืบสวน และขออนุมัติหมายค้น จนพบ น.ส.ประกายแก้ว อายุ 30 ปี รับสารภาพว่า ได้รับจ้างอุ้มบุญมา 3 ครั้งแล้วแต่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ โดยรับเงินค่าจ้างตั้งแต่ฝังตัวอ่อนติดท้อง จนกระทั่งคลอดจำนวน 450,000 บาทมาแล้ว จึงให้ น.ส.เพ็ญนภา รับอุ้มบุญแทน ซึ่งขณะนี้มีอายุครรภ์ 8 เดือนแล้ว
เมื่อ น.ส.เพ็ญนภา ตอบรับอุ้มบุญ น.ส.พรทิวา ซึ่งเป็นเอเยนส์ฝั่งไทย จะเข้าเจรจาตกลง บอกขั้นตอนการรับค่าจ้างตั้งครรภ์ ก่อนจะให้ผู้ร่วมขบวนการดำเนินการพาไปตรวจเยื่อผนังมดลูก ฝังตัวอ่อนและฝากครรภ์
จากนั้น ต้องส่งผลการตรวจทุกอย่างไปให้เอเย่นส์ชาวจีน เพื่อดำเนินการส่งให้กับพ่อแม่เด็ก พอใกล้คลอดก็จะพาไปทำคลอดที่ประเทศจีนหรือกัมพูชา แล้วแยกเด็กไปทันที
พล.ต.ท.มนตรี ยังกล่าวอีกว่า เอเยนส์ใหญ่เป็นชาวจีนที่เดินทางเข้าในประเทศไทย ในรูปแบบของบริษัททัวร์ไทย-จีน โดยจะนำตัวอ่อนและสเปิร์มของพ่อแม่ชาวจีนเข้ามาด้วย โดยประเทศอื่นจะไม่สามารถอุ้มบุญเลือกเพศได้ ในราคา 1-2 ล้านหยวน แต่ไทยราคาไม่ถึง 1 ล้านหยวน ก็สามารถเลือกเพศได้ โดยมักจะเลือกเพศชาย
ที่ผ่านมา ได้มีการตั้งครรภ์เด็กไปแล้ว 4 คน โดยสามารถส่งถึงมือพ่อแม่ที่จีนได้ 1 คน ส่วนอีก 3 คนไม่สามารถส่งเด็กไปได้ เพราะติด COVID-19 ทั้งนี้ ยังมีหญิงอุ้มบุญที่ยังตั้งครรภ์รอคลอดอยู่ในประเทศไทยอีก 7 คน