วันนี้ (23 มิ.ย.2563) ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ไลฟสดผ่านเฟซบุ๊ก Mahidol University สรุปสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 จากทั่วโลก ว่า หลายประเทศพบการกลับมาใหม่ ของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในแต่ละวันสูงขึ้น ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบ 81 ประเทศทั่วโลก อุบัติการณ์ของโรคเพิ่มขึ้น มีเพียงแค่ 36 ประเทศ ที่อุบัติการณ์ของโรคลดลง
สิ่งที่น่ากังวล คือ หากคนจากประเทศที่ติดเชื้อหลุดเข้ามาในประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนไทยจะการ์ดตกไม่ได้ โดยเฉพาะผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในอนาคตก็ยังต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการกักตัวนักท่องเที่ยวต้องออกเอง ไม่ใช่รัฐบาลไทยออกให้
ขณะเดียวกัน เมื่อเข้ามาในประเทศแล้ว ต้องไปท่องเที่ยวตามโปรเเกรมที่รัฐจัดไว้ให้ และต้องสแกนแอปพลิเคชันไทยชนะ ก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ เพื่อให้สามารถติดตามสอบสวนโรค หากเกิดพบการติดเชื้อเกิดขึ้น เช่นเดียวกับคนไทยด้วย และสุดท้ายก่อนเดินทางกลับประเทศต้นทางยังต้องตรวจหาเชื้อซ้ำอีกรอบ
ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าดีใจ คือ สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยดีขึ้น ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกันหลายสัปดาห์ ทำให้คนไทยหลายคนรู้สึกปลอดภัยขึ้น แต่ข้อเสีย อาจทำให้คนบางส่วนเริ่มวางใจ และป้องกันตัวเองน้อยลง จากสิ่งที่เห็น เริ่มมีคนไทยไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะออกจากบ้าน และไม่เว้นระยะห่างระหว่างกัน รวมตัวในสถานที่ต่างๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ จำนวนมาก เสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อรอบใหม่
การที่ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ ติดต่อกัน 28 วัน ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีเชื้ออยู่แล้ว โดยยกตัวอย่าง ประเทศจีน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 57 วันติดต่อกัน แต่เกิดการระบาดรอบใหม่ จากตลาดขายอาหารทะเล
ดังนั้นตัวเลข 28 วันถือเป็นดาบสองคมต่อการสื่อสาร จะทำให้คนเข้าใจผิดว่า ผ่านจุดอันตรายมาแล้ว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ดังนั้นทุกครั้งที่ออกจากบ้านยังต้องสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคมอยู่เสมอ