วันนี้ (15 ก.ค.2563) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ และโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร ที่บึงสีไฟ จ.พิจิตร เพื่อเร่งรัดการขุดลอกบึงสีไฟ เพิ่มปริมาณความจุรองรับน้ำฝน ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเร่งด่วนของรัฐบาลในการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำเดิมให้สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น โดยกรมเจ้าท่าแบ่งการขุดลอกบึงไฟเป็น 2 ระยะ ส่งผลให้บึงสีไฟกักเก็บน้ำได้ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับโครงการระยะที่ 1 แล้วเสร็จตั้งแต่เดือน มิ.ย.2562 ได้ขุดลอกดินออก 4.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนระยะที่ 2 ต้องขุดลอกดิน 700,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำชับให้เร่งดำเนินการขุดลอกขนย้ายวัสดุขุดลอกทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้ และน้ำเข้าสู่บึงสีไฟ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นสามารถดึงน้ำเข้าบึงได้วันที่ 15 ส.ค.นี้ ตั้งเป้ากักเก็บน้ำได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่าง โดยมอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาบึงสีไฟทั้งระยะสั้นในการขุดลอกให้แล้วเสร็จตามแผน เคลื่อนย้ายกองดินที่ขุดลอก 6 ล้านลูกบาศก์เมตรออกจากพื้นที่
ทั้งนี้กรมเจ้าท่า และจ.พิจิตร ได้วางแนวทางขนย้ายดิน ทั้งส่วนที่ขายทอดตลาดได้ และส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของส่วนราชการ โดยไม่ขัดต่อระเบียบหรือกฎหมายและการปรับปรุงภูมิทัศน์ของบึง เพื่อให้บึงสีไฟเป็นพื้นที่แก้มลิงรับน้ำในพื้นที่ แหล่งท่องเที่ยว แหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสาธารณประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ขณะนี้เตรียมแผนการส่งน้ำเข้าบึงสีไฟแล้ว หากฝนตกในพื้นที่เพิ่มขึ้นสามารถใช้บึงสีไฟช่วยชะลอน้ำด้วยการนำน้ำเข้าบึงได้ทันที จากเดิมก่อนทำแผนขุดลอกบึงมีขนาดความจุเพียง 4 ล้านลูกบาศก์เมตร
หากกรมเจ้าท่าเร่งขุดลอก จะช่วยเพิ่มความจุน้ำอีกประมาณ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งหมดจะรับน้ำได้ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร โดย สทนช. จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนหลักการพัฒนาบึงสีไฟใช้ประโยชน์จากพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนื้ให้ได้มากขึ้น