วันนี้ (28 ก.ค.2563) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ไม่ต้องการให้เรียกเงินที่กระทรวงฯ จะจ่ายให้กับ อสม.ทั่วประเทศ ว่าเป็นเงินค่าตอบแทน แต่เป็นค่าเสี่ยงภัยให้กับ อสม.ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าช่วยป้องกันโรคในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และแม้สถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะดีขึ้น แต่ อสม.ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนเฝ้าระวัง ป้องกันโรคต่อไป ดังนั้น เห็นว่าการจ่ายเงินส่วนนี้ให้สมเหตุสมผล โดยไม่ต้องรอให้ระบาดรอบ 2 แล้วค่อยมาพิจารณากัน
ขณะเดียวกัน การทำงานของ อสม.แตกต่างจากกำนันผู้ใหญ่บ้าน บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีเงินเดือน แต่ อสม.ไม่มีทั้งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง สวัสดิการ ได้รับเพียงค่าป่วยการในการทำงานเดือนละ 1,000 บาท เท่านั้น ซึ่งช่วงระบาดโควิด-19 อสม.ก็ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เพิ่มขึ้น มีความเสี่ยงภัย ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากการต้องเฝ้าระวังโรคทุกครัวเรือนในแต่ละชุมชน
จึงต้องการให้สภาพัฒน์ฯ เห็นใจ โดยวันพรุ่งนี้ (29 ก.ค.) ได้เตรียมข้อมูลชี้แจงในการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย แต่หากสภาพัฒน์ฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องตัด หรือลดงบประมาณการใช้เงินกู้ในโครงการอื่นๆ ก็สามารถทำได้ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมพิจารณาปรับปรุงโครงการอื่นๆ และนำเสนอให้สภาพัฒน์ฯ พิจารณาอีกครั้ง แต่ขอให้คงงบประมาณค่าตอบแทน อสม.ไว้ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ด้านนายจำรัส คำรอด ประธานชมรม อสม.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ ตัวแทน อสม.ทั่วประเทศ จะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล วิงวอนอย่าเปรียบเทียบ อสม.กับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีเงินเดือนประจำ แต่ อสม.ไม่มี ขณะนี้ อสม.ทั่วประเทศ ต่างรอคอยอย่างมีความหวังที่จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาล แต่พอมีข่าวว่าจะตัดงบประมาณ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของ อสม.หลายคนหดหู่ใจ หลังทำงานเสี่ยง บางคนติดเชื้อควักเงินซื้ออุปกรณ์เอง และเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 แต่กลับไม่ได้รับความเหลียวแล และความยุติธรรมเหมือนเช่นบุคลากรกลุ่มอื่น