วันนี้ (7 ส.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า เว็บไซต์ worldometers รายงานว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID19 ทั่วโลก รวมตัวเลขสะสม19,252,483 คน เสียชีวิต 717,564 คน และรักษาหาย 12,354,209 คน โดยประเทศสหรัฐอเมริกายังมีผู้ป่วยสะสมสูงสุด 5,032,179 คน เสียชีวต 162,804 คน
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่าสายพันธุ์ COVID-19 ที่พบในประเทศไทย
จากการศึกษาของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาฯ โดยทีมของเราตั้งแต่มีการระบาดในระลอกแรก จนถึงปัจจุบัน ในศูนย์กักกันของรัฐการระบาดในระลอกแรก ในเดือนมีนาคมถึงเมษายน สายพันธุ์ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ S (serine)
สายพันธุ์นี้พบได้ทั้งในสนามมวย และสถานบันเทิงความรุนแรงของโรคที่เกิดในทั้งสองแห่งจึงไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุ และโรคประจำตัวของผู้ป่วยมากกว่าหลังจากนั้นก็ไม่พบสายพันธุ์นี้อีก
ไวรัสมีการวิวัฒนาการมาตลอด ตามรูปวิวัฒนาการที่แสดงให้ดู การตรวจเชื้อในสถานกักกันของรัฐ State Quarantine สายพันธุ์ COVID-19 มาจากประเทศต่างๆ ดังแสดงในภาพ
ไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ ที่พบจะเป็นสายพันธุ์ G (glycine) ที่มี 2 กลุ่ม คือ GH (histidine) และ GR (arginine) เป็นคนละสายพันธุ์ที่เคยระบาดในประเทศไทย
ถ้ามีการระบาดในระลอก 2 สายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย จะเป็นสายพันธุ์อะไร
ภาพ: เฟซบุุ๊ก Yong Poovorawan
ภาพ: เฟซบุุ๊ก Yong Poovorawan
ระบาดระลอก 2 ยากควบคุม
ก่อนหน้านี้ นพ.ยง ระบุด้วยว่า การระบาดในระลอก 2 COVID-19 ในประเทศที่ควบคุมการระบาดได้ดี ก็ไม่พ้นการระบาดในรอบ 2 หรือ 3 แม้จะเป็นประเทศที่มีความพร้อม เช่นในญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย เวียดนาม การในระบาดรอบ 2 แต่ละประเทศ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ยากในการที่จะควบคุมให้กลับมาเหมือนเดิม
ในเวียดนาม เป็นตัวอย่างที่ดี กว่าจะรู้ว่ามีผู้ป่วย ผู้ป่วยที่พบเป็นผู้ที่มีอาการมากเข้าโรงพยาบาล แสดงว่ามีผู้ติดเชื้อและไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยอีกจำนวนมากผู้ที่เข้าในโรงพยาบาลยังไปแพร่เชื้อในโรงพยาบาลอีก
คงยังเหลือประเทศไทย กับ นิวซีแลนด์ ที่ยังดูแลไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นใหม่ การพบผู้ป่วย ในประเทศไทย ยังพบเกือบทุกวัน ในสถานที่ควบคุม ผู้กลับจากต่างประเทศประมาณกันว่า ผู้กลับจากต่างประเทศ 200 คน จะตรวจพบเชื้อ 1 คน หรือ 0.5 เปอร์เซ็นต์ (การตรวจพบ 384 คนในจำนวนผู้เข้ากัดกัน 67,106 คน) นับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยแสดงว่าโรคนี้ในต่างประเทศมีการระบาดมากจริงๆ ขนาดมีการคัดกรองก่อนเดินทางแล้ว
มาตรการในการกักกัน ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ จึงมีความสำคัญมาก ในการป้องกันการระบาด
นอกจากนี้ประเทศไทย ยังมีพรมแดนธรรมชาติ ไม่ว่าทางทะเล หรือทางบกอีกยาวไกลการควบคุมผู้ลักลอบเข้าประเทศ ต้องเข้มงวดจริงๆ เพื่อไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเข้ามาได้