วันนี้ (11 ส.ค.2563) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดโครงการระบบตู้ชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (คีออส) และ DLT Vehicle Tax” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันชำระภาษีรถผ่านโทรศัพท์ ในงานวันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ครบรอบ 79 ปี พร้อมเปิดเผยว่า การให้บริการชำระภาษีทั้ง 2 ช่องทางจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องการชำระภาษีรถยนต์มากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนบุคคลอายุไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์อายุไม่เกิน 5 ปี สามารถเข้าใช้บริการได้ แต่ต้องมีหลักฐานกรมธรรม์ประกันภัยด้วย โดยจะเริ่มให้บริการในวันที่ 20 ส.ค.2563 นี้ ทั้งนี้ในส่วนของตู้ชำระภาษีจะตั้งอยู่ภายในสำนักงานขนส่งกรุงเทพฯพื้นที่ 1-5 โดยมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำการใช้บริการด้วย
นายศักดิ์สยาม ระบุว่า กรมฯ ได้พัฒนาการให้บริการประชาชนโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 จึงพัฒนาบริการรับชำระภาษีรถประจำปีรูปแบบใหม่ (New Normal) ให้เหมาะสมกับการใช้งานและวิถีชีวิตของประชาชนในปัจจุบัน โดยเพิ่มช่องทางการชำระภาษีรถประจำปีแบบ New Normal ผ่านแอพฯ DLT Vehicle Tax และตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ ซึ่งจากเดิมการให้บริการรับชำระภาษีผ่านหน่วยงานภายนอก เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ธนาคารพาณิชย์ ผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ
ขณะเดียวกันยังมีให้บริการที่ระบบอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ ประชาชนต้องรอรับใบเสร็จและเครื่องหมายการเสียภาษีทางไปรษณีย์เพียงอย่างเดียว แต่สำหรับแอพฯ DLT Vehicle Tax และตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ ประชาชนสามารถเลือกรับเครื่องหมายการเสียภาษีทางไปรษณีย์ หรือพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ ซึ่งดำเนินการได้ด้วยตนเองทุกขั้นตอน ไม่ต้องติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ของ ขบ.
ขณะที่นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ในส่วนให้บริการผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้วจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีในทันที ซึ่งดำเนินการได้ด้วยตนเองทุกขั้นตอน แล้วเสร็จภายใน 2 นาที สำหรับให้บริการชำระภาษีผ่านแอพฯ DLT Vehicle Tax เริ่มทันที ขณะที่การชำระภาษีผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ เริ่มเปิดให้บริการวันที่ 20 ส.ค.63 ระยะแรกมีทั้งหมด 10 ตู้ แบ่งเป็น ตั้งอยู่ภายในสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 อย่างละ 1 แห่ง รวม 5 แห่ง, ติดตั้งที่กระทรวงคมนาคม 1 แห่ง, ศูนย์บริการร่วมคมนาคม เชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน 1 แห่ง และ อีก 3 แห่ง กำลังประสานงานจะไปติดตั้งที่ศูนย์ราชการต่อไป