วันนี้ (15 เม.ย.2568) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน พบว่ามิจฉาชีพได้พัฒนาการก่อเหตุโดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงไปอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
แอบอ้างเป็นขนส่ง ธนาคาร หน่วยงานราชการ
มิจฉาชีพจะส่ง SMS หรือข้อความผ่านแอปพลิเคชัน เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก อ้างว่าพัสดุตกค้าง บัญชีผิดปกติ หรือมีเงินเข้า พร้อมแนบลิงก์หลอกลวงให้ผู้ที่หลงเชื่อกดลิงก์ เพื่อติดตั้งแพลตฟอร์มดึงข้อมูลส่วนตัว และเงินในบัญชีธนาคาร
หลอกจองที่พัก
แฮ็กบัญชีเฟซบุ๊ก หรือไลน์ เพื่อหลอกยืมเงิน
มิจฉาชีพจะใช้วิธีการแฮ็กบัญชีของเพื่อนหรือญาติ แล้วทักแชทขอยืมเงิน หรือขอความช่วยเหลือด่วน เช่น รถเสีย เข้าโรงพยาบาล
แชร์ลิงก์ปลอมหลอกให้กรอกข้อมูล
ลิงก์ที่ใช้ชื่อคล้ายกับหน่วยงาน เช่น แจกเงินช่วยสงกรานต์ รับของขวัญปีใหม่ไทย เมื่อมีผู้หลงเชื่อกดลิงก์ อาจนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล
หลอกขายสินค้าออนไลน์ช่วงสงกรานต์
มิจฉาชีพจะใช้วิธีการสร้างเพจปลอมเพื่อขายสินค้าที่ดึงดูดความสนใจ และเข้ากับช่วงเทศกาล เช่น ปืนฉีดน้ำ เสื้อผ้าตามเทศกาล ของแต่งบ้านช่วงวันหยุดยาว โดยเสนอโปรโมชันที่น่าสนใจ ราคาถูก มีจำนวนจำกัด เพื่อหลอกลวงให้ผู้ที่สนใจเร่งโอนเงินด่วน
ทั้งนี้ จากสถิติเดือน ก.พ.2568 พบว่า มีการแจ้งความคดีออนไลน์กว่า 25,000 คดี โดย 7 อันดับสูงสุด ได้แก่ คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 13,643 คดี, คดีหลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น 2,660 คดี, คดีหลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 2,524 คดี, คดีหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 1,442 คดี, คดีหลอกให้กู้เงิน 1,413 คดี, คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1,251 คดี และคดีหลอกลวงเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน 1,046 คดี
ขอย้ำเตือนประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ ไม่กดลิงก์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ และไม่โอน
ทั้งนี้ หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการระงับ อายัดบัญชี ผ่านศูนย์ AOC 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านข่าว : ยอดเสียชีวิตเพิ่มเป็น 44 คน ใช้เครนขนาดใหญ่รื้อซากตึก สตง.ถล่ม
วิศวกรเข้าแจ้งความ ถูกอ้างชื่อในเอกสาร สตง. ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง