วันนี้ (19 ส.ค.2563) กรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ Travel แชร์โพสต์ภาพครอบครัวหนึ่งที่สร้อยทองคำอยู่ภายในขวดน้ำให้ลูกดื่ม โดยอ้างว่าวิธีนี้เป็นความเชื่อโบราณของจีน หรือถ้าไม่มีทองคำจริงๆ ก็ใช้เหรียญสลึงหรือเหรียญ 50 สตางค์ (เหรียญสีทอง) ทารกที่ได้ดื่มจะโตขึ้นอ้างว่าเด็กจะมีวาสนา มีสง่าราศี ผิวสวย โดยวิธีนี้เป็นความเชื่อโบราณของจีน
ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยา และมะเร็งในเด็ก ออกมาเตือนผ่านเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอว่า เด็กเล็กต่ำกว่า 6 เดือน ไม่จำเป็นและไม่ควรดื่มน้ำใดๆ นอกจากนมแม่ หรือนมผสม (ในกรณีไม่ได้กินนมแม่) และการดื่มน้ำแช่ทองรูปพรรณ อาจปนเปื้อนโลหะหนักของสารแคดเมียม ตะกั่ว ปรอท ทำให้เกิดอันตรายได้
โดนระบุถึงอันตรายจากผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ว่า เนื่องจากการนำเอาโลหะทองคำ 96.5% และผสมโลหะอื่นลงไป เพื่อให้ทองคำไม่นิ่มเกินไปในการขึ้นรูป ได้แก่ โลหะเงิน โลหะทองแดง และอัลลอยอื่นๆ รวมทั้งขั้นตอนการผลิตให้มีความสวยงามคงทน มีการชุบเคลือบผิวให้เงางาม โดยเงินหรือทองเหลืองขั้นตอนการผลิตเหล่านี้อาจจะมีการปนเปื้อนของสารแคดเมียม ตะกั่ว ปรอท
ดังนั้นเราจึงไม่ควรนำมาทองรูปพรรณใส่ลงไปในขวดน้ำให้ลูกดื่ม ร่างกายของลูกไม่น่าจะได้รับประโยชน์อะไรจากสารเหล่านี้
เช่นเดี่ยวกับเพจ Drama-addict โพสต์ข้อความว่า
- ทารกไม่ควรกินน้ำ จนถึงอายุหกเดือน กินแต่นมพอ เพราะการกินน้ำ จะทำให้เด็กกินนมได้น้อยลง อาจขาดอาหาร น้ำหนักน้อย ถ้าน้ำไม่สะอาด ก็ท้องเสีย ติดเชื้อในลำไส้ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
- การเอาทองคำไปแช่น้ำ น้ำก็จะไม่สะอาดแน่นอน กินเข้าไปอาจทำให้เด็กติดเชื้อได้แบบที่บอกไป
- การดื่มน้ำแช่ทองคำ ไม่ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ทองคำไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการสร้างเม็ดสีเลย
- ถ้าเกิดเจอสร้อยทองปลอม ที่อาจเป็นการเอาทองไปผสมกับโลหะอื่น หรือ เอาทองไปชุบเคลือบโลหะอื่นอีกที อันนี้ถ้าเอาไปแช่น้ำให้เด็กกิน ระวังเจอพวกสารจากโลหะหนักมันลงมาผสมในน้ำ
- เหรียญสลึง ทำจากโลหะไส้เหล็กชุบทองแดง ไม่ใช่ทอง แล้วก็ไม่ควรเอาไปแช่น้ำให้เด็กกินด้วย เพราะถ้าได้รับทองแดงเข้าไปก็เป็นพิษกับร่างกายได้ โดยจะส่งผลต่อตับ และสมอง
- ถ้าชนชั้นสูงของจีนโบราณไม่บอกใคร แล้วรู้ได้ไง
อาการทองแดงเป็นพิษ
ข้อมูลจากศูนย์พิษวิทยา ระบุถึงอันตรายของ ภาวะทองแดงเป็นพิษ ว่า การเกิดพิษขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับเข้าไป ช่องทางที่ได้รับและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ทองแดงถูกดูดซึมได้ดีในกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนบน โดยซึมผ่านเข้าผนังลำไส้ไปที่ตับ จากนั้นจะรวมตัวกับน้ำดี แล้วถูกหลั่งออกมาบริเวณลำไส้ ขับออกไปกับอุจจาระ หรืออาจถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายได้ 30% โดยไปสะสมที่กระดูก กล้ามเนื้อ ตับ สมอง การสะสมจะมากที่ตับและสมอง
เมื่อได้รับทองแดงในปริมาณมากจะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกาย คือ คลื่นเหียนอาเจียน เกิดการอักเสบในช่องท้องและกล้ามเนื้อ ท้องเสีย การทำงานของหัวใจผิดปกติ กดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและอาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางจิต ส่วนอาการเรื้อรังจากการได้รับติดต่อกันเป็นเวลานาน และตับทำหน้าที่บกพร่อง ไม่สามารถขับทองแดงออกจากร่างกายได้ตามปกติ จึงทำให้มีการสะสมอยู่ในร่างกายเป็นปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของร่างกาย หรือกลุ่มอาการ Wilson' Diseases คือ ร่างกายสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง มีน้ำมูกน้ำลายไหล ควบคุมการพูดลำบาก