วันนี้ (24 ส.ค.2563) จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์มีการส่งต่อภาพของเด็กหญิงชั้นอนุบาลที่ จ.ยโสธร กำลังแสดลงสัญลักษณ์ ชู 3 นิ้ว ก่อนผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งจะเผยแพร่คลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดขณะมีกลุ่มคนคล้ายเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจเยี่ยมที่บ้านของเด็กหญิงคนดังกล่าว
ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า การตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงเข้าไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็กและครอบครัวแต่อย่างใด โดยเป็นทีมสหวิชาชีพของหน่วยงานหนึ่งใน จ.ยโสธร ได้ร่วมกับครูประจำชั้นของเด็กทำการลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อเยี่ยมบ้านตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้ปกครองของเด็กนักเรียนดังกล่าวซึ่งผู้ปกครองแจ้งว่าเป็นการแชร์ภาพภายในครอบครัวเท่านั้น ไม่คิดว่าภาพจะถูกแชร์ไปมากกว่านี้ ทำให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันวงกว้างในสื่อสังคมออนไลน์
ทั้งนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุว่า ทีมสหวิชาชีพได้ทำความเข้าใจและให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในการดูแลพิทักษ์สิทธิเด็กในการเผยแพร่ภาพทางสื่อออนไลน์ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ซึ่งหลังจากให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองเด็กได้เข้าใจมากขึ้นและจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวต่อไป
"ศรีสุวรรณ" แจ้ง ปอท. เอาผิดคนโพสต์รูปเด็กชู 3 นิ้ว
ขณะที่เมื่อเวลา 10.30 น.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าแจ้งความที่กองกำกับการ ปอท. เพื่อเอาผิดผู้โพสต์เฟซบุ๊กรูปเด็กชูมือ 3 นิ้วพร้อมกับคนแชร์รูปและข้อความอีก 195 คน โดยบุคคลที่เผยแพร่อ้างว่าเป็นทีมคณะก้าวหน้าและสมาชิกพรรคก้าวไกลคนหนึ่ง พร้อมมีข้อความติดแฮชแท็กว่า “#อนุบาลต้านเผด็จการ ไม่หวั่น ม.116 ภัยต่อความมั่นคงเผด็จการไดโนกะลา” โดยรูปดังกล่าวน่าจะมาจากญาติหรือผู้ปกครองที่โพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัวเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าว เป็นการท้าทายกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กคนดังกล่าว ที่อาจจะเสียหายเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อเด็กอย่างร้ายแรง โดยการนำรูปเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ (ยกเว้นเด็กที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส) มาเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศ โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นการฝ่าฝืน ม.27 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 ซึ่งมีความผิดตาม ม.79 ต้องระวางโทษจำคุกม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังมีความผิดตาม ม.14 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย ส่วนผู้ที่กดแชร์โพสต์ดังกล่าวหรือเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวาง โทษจําคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับอีกด้วย ด้วยเหตุดังกล่าว