ท่าเรือเกาะพีพี จ.กระบี่ เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศคลี่คลายลง นักท่องเที่ยวชาวไทย เลือกเกาะพีพีเป็นจุดหมายปลายทาง โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวและวันหยุดสุดสัปดาห์ แม้จะต่างจากที่ผ่านมา ที่เกาะพีพีจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แบบไม่เลือกวัน แต่พวกเขามองว่าถือเป็นสัญญาณที่ดี
การพึ่งพาการท่องเที่ยวทั้งร้อยเปอร์เซนต์ ประกอบกับเป็นพื้นที่เกาะ ทำให้เกาะพีพี ถูกเลือกให้เป็น 1 ในพื้นที่นำร่องสำหรับเปิดรับชาวต่างชาติเข้าพื้นที่ และกักตัวบนเกาะ พร้อม ๆ กับจังหวัดภูเก็ต และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี แต่ชาวบ้านที่นี่ ไม่เห็นด้วยเพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์
สมพร เริงสมุทร เจ้าของบาร์แห่งหนึ่งบนเกาะพีพี กล่าวว่า อาชีพของเธอต้องพบปะพูดคุยกับลูกค้าเสมอ หากเปิดรับชาวต่างชาติเข้ามาในช่วงนี้ ส่วนตัวคิดว่าเสี่ยงเกินไป เพราะขณะนี้ยังไม่มีวัคซีน และมาตรการต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นก็ไม่ทำให้มั่นใจได้ 100 เปอร์เซนต์
“ไม่ว่านโยบายอะไรก็ตามที่พอจะทำให้มีรายได้เข้ามา ผู้ประกอบการหรือชาวบ้านก็ต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว แต่ถามว่านักท่องเที่ยว หรือชาวต่างชาติที่จะเข้ามา เขาจะแฮปปี้ไหม ถ้าจะต้องมากักตัวก่อน 14 วัน ไปไหนไม่ได้ เขาจะยังเข้ามาหรือเปล่า และที่สำคัญผมว่าที่ทุกคนกังวล คือคนที่เข้ามาจะมีพาหะ จะมีใครติดเชื้อหรือไม่ ถ้ามีมาตรการรองรับแบบเป็นรูปธรรมมันก็เบาใจได้หน่อย แต่ก็ไม่มั่นใจได้เต็มร้อย อย่างวันก่อนผมโหลดแอปฯมา บอกว่าผมเริ่มมีความเสี่ยง ทั้งที่ผมนอนอยู่ที่ห้องไม่ได้ไปไหน” ปัญจศรี ล้ำเลิศ แรงงานบนเกาะพีพีเล่า
เช่นเดียวกับ ผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะพีพี ที่มองว่า สภาพพื้นที่บนเกาะไม่เหมาะสม และไม่มีความพร้อมมากนัก ที่จะรองรับชาวต่างชาติเข้ามากักตัวบนเกาะ และอาจจะทำให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างชาวบ้าน พนักงานและนักท่องเที่ยว
“โรงแรมส่วนใหญ่บนเกาะ ตั้งปะปนอยู่กับชุมชน ถนนก็ค่อนข้างคับแคบ เดินด้วยกันได้ไม่เกิน 3 คน อาจจะมีโรงแรมบางแห่งที่ตั้งอยู่ห่างชุมชนหน่อย จึงคิดว่าไม่เหมาะ ถ้าหากมีโรงแรมสำหรับกักตัว พนักงานโรงแรมที่ทำงานที่นั่นก็เป็นชาวบ้าน คงหวาดระแวงกันไปหมด ถ้าถามผม ผมเป็นผู้ประกอบการมีรายได้ แต่ถ้าชาวบ้าน ชุมชนรอบ ๆ ไม่มีความสุข มันก็ไปต่อไม่ได้” วีรภัสร์ จันทโร ผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะพีพีกล่าว
เขายังเสนอว่า ขอให้เกาะใหญ่อย่างภูเก็ต หรือ เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี ที่มีความพร้อมมากกว่า นำร่องรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปก่อน ส่วนเกาะพีพี ก็ยังคงพร้อมรับนักท่องเที่ยวหากผ่านการกักตัวและกระบวนการของรัฐต่อ
ระหว่างนี้ผู้ประกอบการและชาวบ้านที่นี่ ยังเสนอให้ภาครัฐขยายเวลาใช้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหรือ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพิ่มเติม เนื่องจากผู้ประกอบการบางส่วนเพิ่งจะฟื้นและปรับตัวรับนักท่องเที่ยวได้ บางส่วนยังไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ แต่มาตรการของรัฐกำลังจะครบกำหนดในเดือน ต.ค.นี้
ขณะเดียวกันต้องอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวชาวไทย สามารถเดินทางเข้าเกาะพีพีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เพื่อกระตุ้นและดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาพบว่า ตารางการบินและตารางเดินเรือ ไม่สอดคล้องกัน ทำให้การวางแผนเดินทางเข้าเกาะพีพี ต้องใช้เวลานาน จนกลายเป็นปัญหาทำให้นักท่องเที่ยวมองข้ามเกาะพีพีไป
"มีเที่ยวบินกระบี่มาลงจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อตรวจสอบสายการบินหลัก ๆ มันไม่สอดคล้องกับตารางเรือเฟอร์รี่เลย ทำให้เดินทางลำบาก อย่างมาตรการของรัฐจะคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องตรงกับวันที่จองห้องพัก หากนักท่องเที่ยวเข้ามาลงเครื่องที่ จ.กระบี่ แต่มาไม่ทันเที่ยวเรือ แบบนี้จะเสียสิทธิได้รับเงินคืนจากรัฐหรือไม่ ตรงนี้จึงเป็นปัญหาที่ผมคิดว่าควรจะต้องปรับ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้มากขึ้น" วีรภัสร์ จันทโร ผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะพีพี สะท้อน
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศทั่วไปบนเกาะพีพี ยังคงเงียบเหงา ร้านค้า ร้านอาหารและโรงแรมหลายแห่งยังคงปิดกิจการชั่วคราว อย่างนางชนาทิพย์ มีนาวงค์ เจ้าของร้านค้าและบริการทัวร์นำเที่ยว ต้องปิดกิจการ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เพราะมองว่าไม่คุ้มต้นทุนหากเปิดให้บริการ ระหว่างนี้เธอจึงปรับตัวด้วยการทำขนมเร่ขายบนเกาะไปก่อน เธอจึงเห็นด้วยหากเกาะพีพีเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่ เพราะต่างชาติมีกำลังซื้อที่มากกว่า แต่ต้องมีกระบวนการคัดกรองอย่างดี ส่วนการสนับสนุนให้เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายรองรับนักท่องเที่ยวไทยนั้น เธอมองว่าเป็นไปได้ยาก
“ถ้าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ผู้ประกอบการ ชาวบ้านก็อยู่ได้ แต่คุณต้องคัดกรองตั้งแต่ต้นทาง ถามว่าให้ปรับมารับนักท่องเที่ยวคนไทย เป็นไปไม่ได้ อย่างมนุษย์เงินเดือน จะใช้จ่ายได้มากแค่ไหน จะเที่ยวได้กี่ที่ มาตรการของรัฐก็เอาไปใช้กับร้านค้า ร้านอาหารตามสั่งของชาวบ้านไม่ได้ เขาไปกินที่โรงแรมกันหมด” ชนาทิพย์ มีนาวงค์ เจ้าของร้านค้าและบริการทัวร์ บนเกาะพีพีกล่าว
ขณะที่ จ.กระบี่ กำหนดมาตรการคัดกรองและป้องกันโรคไวรัส COVID-19 สำหรับรองรับชาวต่างชาติ ตั้งแต่ต้นทางสายการบินต้องมีมาตรการสาธารณสุขรับรอง เมื่อมาถึงจะต้องจัดสถานที่คัดแยกกับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ผ่านการตรวจตัวอย่างสารคัดหลั่งว่าไม่มีเชื้อไวรัส COVID-19 มีรถรับ-ส่ง ที่ปลอดภัย และต้องใช้ประตูเฉพาะ รวมถึงทางเข้าท่าเรือที่ไม่ปะปนกัน และต้องผ่านการกักตัว 14 วัน ภายในสถานที่กักตัวบนเกาะที่ได้รับคัดเลือกจากรัฐ จึงจะสามารถออกมาท่องเที่ยวได้
อย่างไรก็ตาม จากการประชุมหารือร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชนและชาวบ้าน พบว่าร้อยละ 90 ไม่เห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ากักตัวในพื้นที่
ภัสรา จิกคำ :รายงาน
สมโภชน์ ธีระกุล : ถ่ายภาพ