วันนี้ (24 ก.ย.2563) ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สวทช. เปิดเผยว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้พัฒนาเครื่องมือโดยทีมวิจัยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ สวทช. ทั้งระบบบริหารจัดการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เป็นการจัดการข้อมูลทางสุขภาพของผู้สูงอายุ มีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ระบบระบุตำแหน่งผู้สูงอายุ เป็นการดูแลผู้สูงอายุกลุ่มสมองเสื่อม ระบบส่งเสริมสุขภาพและการเฝ้าระวังด้วยอุปกรณ์การบันทึกการเคลื่อนไหวแบบไร้สาย เป็นการติดตามการเคลื่อนไหวและส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ อุปกรณ์ชุดตรวจวัดสุขภาพแบบพกพา (Portable Health Check Up) อุปกรณ์เครื่องตรวจวัดสุขภาพอัตโนมัติสำหรับผู้สูงอายุ (Health Check Up Kiosk for Elderly Persons)
รวมถึงอุปกรณ์ดูแลและฟื้นฟูผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผลงานจาก ศูนย์วิจัยเพื่อการออกแบบและพัฒนาต้นแบบทางวิศวกรรมอย่างสร้างสรรค์ ร่วมกับ ภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายภาคีวิศวกรรมชีวการแพทย์ไทยจำนวน 2 รายการ ได้แก่ เครื่องฝึกเดินแบบเคลื่อนที่ได้ (Space walker) อุปกรณ์ช่วยฝึกเดินที่มีระบบพยุงน้ำหนักบางส่วน และเครื่องออกกำลังกายและฟื้นฟู (Sit to Stand Trainer) นวัตกรรมเครื่องออกกำลังกายลุก - นั่ง ที่ผู้สูงอายุสามารถใช้ออกกำลังกายด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ ปี 2563 ได้นำร่องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศพส.) บ้านบางแคเป็นแห่งแรก โดยหวังให้เป็น “บางแคโมเดล” ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร อาทิ การใช้เทคโนโลยี ระบบบริหารจัดการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ การเตรียมโครงสร้างพื้นฐานและระบบเครือข่ายสำหรับระบบระบุตำแหน่งผู้สูงอายุ และ ระบบส่งเสริมสุขภาพและการเฝ้าระวังด้วยอุปกรณ์การบันทึกการเคลื่อนไหวแบบไร้สาย การติดตั้งและใช้งาน เครื่องฝึกเดินแบบเคลื่อนที่ได้ และเครื่องออกกำลังกายและฟื้นฟู เป็นต้น และมีเป้าหมายจะดำเนินการให้ครบทั้ง 12 แห่งภายใน ปี 2565
ศ.ดร.ไพรัช ระบุว่า การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุมาขยายผลการใช้ประโยชน์ เป็นต้นแบบในรูปแบบ “บางแคโมเดล” เพื่อนำไปเป็นต้นแบบในการดูแลผู้สูงอายุให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนขยายให้ครบ 12 ศพส. ในสังกัดของกรมกิจการผู้สูงอายุ เพื่อใช้ดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ตลอดจนเพื่อต่อยอดและขยายผลนวัตกรรมสู่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่อไป
วางระบบก่อนปีหน้า ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุ
นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พม. กล่าวว่า การขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการดูแลและให้บริการผู้สูงอายุในครั้งนี้ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้ภาครัฐและเอกชนต้องปรับเปลี่ยนและปรับตัวในเชิงรุกเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยบริหารจัดการ เนื่องจากประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุตั้งแต่ปี 2558 และคาดว่าปี 2564 สังคมไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะมีจำนวนประชากรอายุ 60 ปี มากกว่าร้อยละ 20 ของประชาการทั้งหมด
และในปี 2575 ประเทศไทยจะเข้าสู่สถานการณ์สังคมสูงวัยระดับสุดยอด เมื่อประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด ดังนั้นการเริ่มต้นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ตั้งแต่วันนี้ จึงเป็นการเพิ่มโอกาสที่ดีให้กับผู้สูงอายุ ที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ที่ดี และยังช่วยขยายผลนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ จากเครือข่ายนักวิจัย เพื่อสร้างอุตสาหกรรมสังคมสูงวัยจากนวัตกรรมไทยในอนาคตด้วย
ด้าน น.ส.อาภา รัตนพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค ระบุว่า บ้านบางแค เป็นหน่วยงานหลักเพื่อให้บริการแก่ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาถูกทอดทิ้ง ไร้ผู้อุปการะดูแล ภายใต้สังกัดกรมกิจการผู้สูงอายุ ปัจจุบันมีผู้รับบริการทั้งสิ้น 234 คน แบ่งเป็นชาย 75 คน หญิง 159 คน ดำเนินการตามนโยบายกรมกิจการผู้สูงอายุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้รับบริการ มุ่งให้ผู้สูงอายุได้รับหลักประกันด้านสิทธิ ความปลอดภัย และสร้างโอกาสของความเท่าเทียม
เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำมาใช้ประโยชน์ในบ้านบางแค ถือว่ามีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพการดูแล และให้บริการผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการส่งเสริม ป้องกันดูแล และฟื้นฟูสุขภาพของผู้สูงอายุสามารถดำเนินไปได้อย่างคล่องตัว