วันนี้ (25 ก.ย.2563) น.ส.ขวัญ ใจคุ้มบ้าน อายุ 46 ปี บุตรสาวของนายเสน คุ้มบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ครอบครองที่ดินศรีพันวาส่วนหนึ่ง ก่อนที่จะมีการซื้อขายและเปลี่ยนมือมาเป็นของ"ตระกูลอิสสระ" และเป็นที่ตั้งของโรงแรมศรีพันวา แสดงความรู้สึกไม่สบายใจในฐานะที่บิดาและญาติๆ เคยครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวมาก่อน และต้องการปกป้องชื่อเสียงของบรรพบุรุษ เพราะครอบครองที่ดินมาอย่างถูกต้อง โดยยินดีให้ข้อมูลกับทุกหน่วยงานที่ต้องการ
น.ส.ขวัญ เล่าว่า อดีตที่ดินบริเวณแหลมพันวาเกือบทั้งหมด ตั้งแต่ปลายแหลม ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงแรมศรีพันวาและสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ยาวมาจนถึงบริเวณที่กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เคยเป็นของตระกูลคุ้มบ้าน และญาติพี่น้องมาก่อน
ที่ดินในส่วนของตน มีนายเสน คุ้มบ้าน พ่อ และน้องชาย รวมถึงพี่น้องครอบครอง มีจำนวน 12 ไร่ อยู่บริเวณจุดที่ก่อสร้างอาคารหลังแรกของโรงแรมในปัจจุบัน มีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเคยเห็นเอกสาร เมื่อปี 2527 และได้มีการอ่านรายละเอียดของเอกสารให้พ่อฟัง ก่อนที่จะมีการทำสัญญาซื้อขาย เนื่องจากพ่ออ่านหนังสือไม่ออก แต่จำไม่ได้ว่าขายให้ใคร หลังจากนั้นไม่นานก็มีการก่อสร้างอาคารหลังแรกของศรีพันวา
น.ส.ขวัญใจ กล่าวด้วยว่า จำที่ดินแปลงนี้ได้ดี เพราะก่อนที่จะมีการขายไปนั้น ได้ปลูกข้าวโพด ตะไคร้ และผักสวนครัวอื่นๆ กับแม่ จุดดังกล่าวจะมีทางเข้า 2 ด้าน คือ ทางขึ้นโรงแรมเคปพันวา ซึ่งเป็นเส้นทางเก่า และอีกเส้นทางหน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งทางศรีพันวาได้ซื้อเพิ่มจากอดีตผู้ใหญ่บ้าน ปัจจุบันเป็นกำนันซึ่งเป็นเครือญาติของตนเช่นกัน
เท่าที่ทราบโรงแรมศรีพันวามีพื้นที่ครอบครองรวม 52 ไร่ อดีตหากไล่เรียงพื้นที่ครอบครองจากทางเข้าไปจนถึงปลายแหลมเคยเป็นของนายเสน คุ้มบ้าน และน้องชาย ถัดไปเป็นของนายสนิท คุ้มบ้านและคนอื่นๆ อีกหลายคน ได้รับการบอกเล่าว่า ต้นตระกูลคุ้มบ้าน ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวเกือบทั้งอ่าว ก่อนจะแบ่งพื้นที่บางส่วนให้หน่วยงานราชการ ทั้งทัพเรือภาคที่ 3 และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฯ ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลคุ้มบ้านเป็นอย่างยิ่งในการที่ได้มีโอกาสสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ
ทั้งนี้ น.ส.ขวัญใจ ยืนยันว่า ที่ผานมาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับศรีพันวา เพราะที่ดินได้ขายไปนานแล้ว และส่วนตัวไม่รู้จักกับผู้บริหารโรงแรม เหตุที่ต้องมาพูดเพราะรับไม่ได้ที่มีการพูดถึงที่ดินแปลงดังกล่าวไปในทางเสียหาย เนื่องจากเป็นที่ดินของบรรพบุรุษ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการยกที่ดินบางส่วนให้กับหน่วยงานของรัฐเพื่อใช้ประโยชน์ด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรียกร้องบอร์ด สปส.แจงปมหุ้นทรัสต์ "ศรีพันวา"
สนง.ที่ดินภูเก็ตชี้โฉนด 56 ไร่ "ศรีพันวา" ไม่อยู่ในที่ดินรัฐ