วันนี้ (27 ก.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปิดกั้นพื้นที่จุดผ่านแดน โดยเฉพาะ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ต้องคุมเข้มมากเป็นพิเศษ เพราะสภาพพื้นที่เอื้อต่อการลักลอบข้ามแดนช่องเขาตะโกบนใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เคยถูกใช้เป็นเส้นทางขนสินค้าเกษตรจากฝั่งเมียนมาเข้ามาขายในฝั่งไทย แต่วันนี้ เส้นทางถูกปิดกันด้วยรั้วลวดหนามถึง 2 ชั้น เช่นเดียวกับที่บริเวณช่องเขาตะโกล่าง ตะโกปิดทอง และห้วยสุด เพราะว่าเจ้าหน้าที่ต้องการปิดเส้นทางห้ามบุคคลเข้าออก เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 ระบาดข้ามแดน
ทั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะ 4 ช่องทางนี้เท่านั้น แต่ใน จ.ราชบุรี ยังมีอีกอย่างน้อย 13 ช่องทาง ที่ถูกใช้ลักลอบเข้าประเทศ แต่เพราะภูมิประเทศเป็นภูเขาทำให้เส้นทางถูกใช้น้อยกว่า แต่ยังมีบางกลุ่มที่เดินเท้าลัดแนวป่าตามแนวสันเขาข้ามแดน เจ้าหน้าที่จึงต้องจัดชุดลาดตระเวนไว้คอยสกัดกั้นแทน แต่ในทางปฏิบัติค่อนข้างมีอุปสรรค เพราะผู้ที่อาศัยอยู่ในฝั่งไทยและฝั่งเมียนมาบริเวณตะเข็บชายแดนมีไม่น้อยที่กลุ่มเป็นเครือญาติ
อย่างไรก็ตาม ตลอดแนวตะเข็บชายแดนตะวันตกใน 4 จังหวัด คือราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ถูกใช้เป็นเส้นทางข้ามแดนได้ทั้งหมด แต่ที่พบมากที่สุด คือ จ.กาญจนบุรี มีช่องทางธรรมชาติมากถึง 43 แห่ง ใน อ.สังขละบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ และ อ.เมืองกาญจนบุรี ถูกใช้เป็นเส้นทางหลบหนีเข้าเมือง เพราะเป็นที่ราบ โดยพื้นที่ใกล้ด่านพระเจดีย์สามองค์ใน อ.สังขละบุรี ซึ่งติดกับเมืองพญาตองซู ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนแรก เมื่อวันก่อน พบปัญหาการลักลอบเข้าเมืองมากที่สุดของชายแดนฝั่งตะวันตก
ส่วนการห้ามไม่ให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ไปมาหาสู่กัน จึงทำได้ค่อนข้างยาก เมื่อมีคำสั่งปิดด่าน จึงพบปัญหาการลอบเข้าเมืองมากขึ้น แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามนำรั้วลวดหนามไปวางปิดกั้นช่องทางธรรมชาติแล้ว แต่ไม่ได้หมายความจะปิดกั้นได้ทั้งหมด เพราะแนวชายแดน 4 จังหวัดภาคกลาง ซึ่งติดกับเมียนมา มีระยะทางมากกว่า 700 กิโลเมตร ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่มีอยู่ไม่มากนัก