วันนี้ (29 ก.ย.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับผ่านที่ประชุม ครม.ให้คงมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่กับการควบคุม COVID-19 และย้ำว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังไม่ได้เปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย อนุญาตให้คนต่างด้าวที่ตกค้างในประเทศไทย ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศ สืบเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 สามารถอยู่ในประเท ถึงวันที่ 31 ต.ค.นี้ รวมถึงเห็นชอบตามการเสนอของ ศบค.ขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุม COVID-19 อีก 1 เดือน สิ้นสุดอีกครั้งวันที่ 31 ต.ค.2563
ขณะเดียวกัน ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ตามกระทรวงการคลังเสนอ 2 โครงการ ภายใต้กรอบวงเงินกว่า 51,000 ล้านบาท จาก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วยโครงการให้เงินผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละ 500 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน นับแต่เดือน ต.ค. - ธ.ค.ปี 2563 และโครงการคนละครึ่งโดยให้เงินผู้ร่วมโครงการ 10 ล้านคน ไม่เกินคนละ 3,000 บาท กำหนดให้ใช้ได้ต่อคนต่อวันไม่เกิน 150 บาท ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
คลัง-กรุงไทย พร้อมเปิดลงทะเบียน "คนละครึ่ง"
เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย 1,000 สาขาทั่วประเทศ พร้อมลงพื้นที่ตามแหล่งชุมชนแบบปูพรม เพื่อช่วยผู้ค้ารายย่อย หาบเร่ แผงลอย รับจ่ายเงินตามมาตรการ " คนละครึ่ง" หลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบดำเนินโครงการแล้ว โดยผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทย จะเปิดระบบลงทะเบียนร้านค้า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ บนเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือ ลงทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ขณะที่ข้อมูลการรับจ่ายเงินในโครงการ จะไม่ถูกนำส่งให้กรมสรรพากร ตั้งเป้ามีร้านค้าเข้าโครงการ 100,000 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากฐานข้อมูลเราเที่ยวด้วยกัน และชิมช้อปใช้ 100,000 แห่ง
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ประชาชนจะสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่เวลา 06.00 - 23.00 น. ของวันที่ 16 ต.ค.2563 เป็นต้นไป โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียนต่อวัน และต้องยืนยันตัวตนผ่าน G-Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" อีกขั้นตอนหนึ่ง จึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันทั่ 23 ต.ค. - 31 ธ.ค.2563
โดยกระทรวงการคลังจะแจกเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิกส์ วันละ 150 บาท เป็นเวลา 3 เดือน รวมคนละ 3,000 บาท จำกัดสิทธิ์ 10 ล้านคนแต่หากผู้ลงทะเบียนสำเร็จ และไม่เติมเงินใช้จ่ายขั้นต่ำวันละ 150 บาท ภายใน 14 วัน จะถูกตัดออกจากระบบ คาดว่ามาตรการคนละครึ่ง จะมีเม็ดเงินสะพัด มากกว่า 81 พันล้านบาท ช่วยกระตุ้น จีดีพี ร้อยละ 0.25 พร้อมวางระบบติดตามประเมินผล มาตรการเป็นระยะ และพร้อมเปิดโอกาสร้านค้าขนาดใหญ่ขึ้น ตามความเหมาะสม แต่เบื้องต้นจะเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการฐานรากก่อน
กรุงไทยเตรียมระบบรับประชาชนลงทะเบียน
ขณะที่นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย มั่นใจว่าการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจะไม่ขัดข้อง หลังจัดสรรทรัพยากร แยกออกจากระบบธุรกรรมปกติของธนาคาร ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ลงระบบตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ เพื่อตัดสิทธิผู้เข้าร่วมโครงการ หากพบพยายามทุจริต
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบมาตรการ เพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีก 500 บาทต่อคนต่อเดือน ระหว่างเดือนตุลาคม ถึงธันวาคม 2563 ส่งผลให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีวงเงินใช้จ่ายร้านธงฟ้าประชารัฐเพิ่มขึ้น จากเดิมเดือนละ 200-300 บาท เป็น 700-800 บาท โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินส่วนเพิ่ม คนละรอบกับวงเงินเดิม คาดว่าจะทยอยโอนเงินงวดแรก กลางเดือนตุลาคมนี้