วันนี้ (9 ต.ค.2563) สำนักข่าวต่างประเทศ สำนักงานอัยการและตำรวจของรัฐมิชิแกนแถลงข่าวร่วมกันถึงการจับกุมผู้ต้องสงสัย 13 คน ในจำนวนนี้ 6 คน ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดวางแผนลักพาตัวเกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน วัย 49 ปีจากบ้านพัก เนื่องจากไม่พอใจการบังคับใช้มาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 อย่างเข้มงวด
ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 7 คน เป็นสมาชิกของกลุ่มติดอาวุธ "วูลฟ์เวอรีน วอทช์แมน" ที่ต้องการก่อสงครามกลางเมือง โดยพุ่งเป้าไปที่บ้านพักของเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย วางแผนก่อเหตุระเบิดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจ รวมถึงการโจมตีอาคารรัฐสภาของรัฐมิชิแกนและลักพาตัวเจ้าหน้าที่รัฐบาล ซึ่งก็รวมถึงวิทเมอร์ โดยทั้ง 7 คนถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ได้แก่จัดหาอุปกรณ์สำหรับการก่อการร้าย เป็นสมาชิกกลุ่มอาชญากรและละเมิดกฎหมายอาวุธปืน
จากการสอบสวนของเอฟบีไอพบเบาะแสนี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาจากการสนทนาในสื่อสังคมออนไลน์ของคนกลุ่มหนึ่งที่พูดถึงการใช้ความรุนแรงเพื่อโค่นล้มรัฐบาลท้องถิ่นและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้เกี่ยวข้อง 14 คน ได้นัดประชุมพูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงสังคม โดยหารือถึงวิธีการหลายอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตั้งแต่สันติวิธีไปจนถึงการใช้ความรุนแรง โดยเอฟบีไอใช้อุปกรณ์บันทึกเสียงการสนทนาเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
ด้านวิทเมอร์แถลงว่าคนที่วางแผนลักพาตัวเธอเป็นคนป่วยและชั่วร้าย พร้อมตำหนิประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ไม่ยอมประณามกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่ง
ทั้งนี้ทรัมป์กล่าวในระหว่างการประชันวิสัยทัศน์คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรอบแรกเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ขอให้กลุ่มพราวด์ บอยส์ ซึ่งเป็นกลุ่มนิยมผิวขาวแบบสุดโต่งและมีแนวคิดขวาจัดถอยหลังออกมาก่อนและเตรียมพร้อมที่จะลงมือ หลายฝ่ายมองว่าคำพูดของทรัมป์เป็นการให้ท้ายกลุ่มเหล่านี้ ถือเป็นการสนับสนุนการใช้ความรุนแรง
ในขณะที่ทรัมป์ทวีตข้อความตำหนิวิทเมอร์ว่าทำหน้าที่ได้แย่มากที่ใช้มาตรการปิดเมืองกับทุกคน โดยบอกว่าให้เธอเปิดเมือง เปิดโรงเรียนและโบสถ์ ส่วนเขาจะไม่อดทนต่อความรุนแรงทุกรูปแบบและจะปกป้องชาวอเมริกันทุกคน แม้แต่คนที่ต่อต้านและโจมตีเขา