วันนี้ (21 ต.ค.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น หัวข้อ "ถอยคนละก้าว เข้าสภา ใช้สติและปัญญา แก้ปัญหาร่วมกัน" โดยมีสาระสำคัญจากแถลงการณ์บางส่วน ดังนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในฐานะผู้นำประเทศ คือต้องดูแลทุกคนในประเทศไทย ต้องพยายามรักษาสมดุล ระหว่างมุมมองความคิดและความต้องการต่างๆ ที่แตกต่างกันในสังคม และบางอย่างก็แตกต่างกันเป็นอย่างมาก นั่นเพื่อที่จะทำให้คนไทยทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน ประเทศเดียวกันและอยู่ร่วมกัน บนผืนแผ่นดินเดียวกันได้
"วิธีเดียวที่เราจะได้ทางออกของปัญหา ที่จะยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทั้งสำหรับประชาชนที่ออกมาอยู่บนท้องถนน และสำหรับประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ได้ออกมา คือการพูดคุยกัน ทำงานด้วยกัน ผ่านระบบและกระบวนการของรัฐสภา ผมรู้ว่าเส้นทางนี้อาจต้องใช้เวลาและอาจจะไม่รวดเร็วทันใจ แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่จะไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ"
ทั้งนี้ ผู้ประท้วงได้แสดงความคิดของเขาแล้ว เสียงและความคิดของพวกเขา ถูกได้ยินโดยทุกฝ่ายและทุกคนเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะนำความคิดและความต้องการของผู้ประท้วง มาพิจารณาร่วมกับความต้องการของประชาชนส่วนอื่นๆ ในสังคมไทย หาเส้นทางที่เหมาะสมและเห็นชอบร่วมกันส่วนใหญ่ผ่านกระบวนการในระบบรัฐสภา
ไม่สามารถบริหารประเทศตามเสียงประท้วง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในฐานะผู้นำประเทศต้องดูแลทุกคนในประเทศไทยและรักษาสมดุลระหว่างมุมมองความคิดที่แตกต่างกันในสังคม และอีกหน้าที่หนึ่งคือต้องทำให้แน่ใจว่าบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย
"ทุกสิ่งที่ผมทำ ผมคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศเสมอ คนส่วนใหญ่ที่นิ่งเงียบ ที่กำลังพยายามทำมาหากินอย่างหนัก หาเลี้ยงปากท้องของตัวเองและครอบครัว ผมต้องบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ไม่ได้ละเลยที่จะดูแลประชาชนคนอื่นๆ ของประเทศด้วย"
เราไม่สามารถบริหารประเทศตามเสียงประท้วง หรือความต้องการของผู้ประท้วงกลุ่มต่างๆ ทุกกลุ่มประท้วงได้ แม้ผมจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า ผมได้ยินเสียงความต้องการของผู้ประท้วงก็ตาม
วงจรที่เราเคยเห็นกันมาตลอดว่า ไม่ว่าฝ่ายไหนมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ก็จะต้องเจอกับม็อบอีกฝ่ายเสมอ และในที่สุดการบริหารประเทศก็ทำไม่ได้ และประเทศก็ไหลลงไปสู่ทางที่จะนำไปสู่ความวุ่นวายและหายนะ
"ถอยคนละก้าว" ถอยห่างเหวหายนะ
นายกฯ ระบุว่า ในเวลานี้เราต้องถอยกันคนละก้าว เพื่อออกห่างจากทางที่จะนำไปสู่ปากเหว เส้นทางที่จะพาประเทศไทยของเราค่อยๆ ตกลงไปสู่หายนะ และสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมจะเริ่มเกิดขึ้นมากขึ้นๆ การใช้อารมณ์ความรู้สึกนำ ก็จะยิ่งสร้างอารมณ์ความรู้สึกที่ร้อนมากยิ่งขึ้น และการใช้ความรุนแรงจะยิ่งนำมาซึ่งความรุนแรงที่มากกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้สอนเรามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งตอนจบของทุกครั้งก็คือความเสียหายที่ทิ้งไว้กับประเทศ"
"องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คนไทยเป็นคนไทย ก็คือสถาบันต่างๆ ในสังคมไทย ที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและคุณค่าของความเป็นไทย มายาวนานหลายร้อยปี ถ้าหากเราทำลายมรดกที่มีค่าจากบรรพบุรุษ เราก็จะสูญเสียสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเป็นคนไทย และเป็นประเทศที่พิเศษประเทศหนึ่งของโลก"
"เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เราได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่มีใครอยากเห็นว่าเกิดขึ้นในประเทศไทย เราได้เห็นการกระทำที่น่าหดหู่ใจอย่างมากที่เกิดขึ้นกับตำรวจ มีการทุบตีทำร้ายตำรวจด้วยคีมเหล็กขนาดใหญ่"
"อย่างไรก็ตาม เมื่อเรามองให้ลึกลงไปกว่านั้น แม้เราจะเห็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีเจตนาร้ายและปฏิบัติตัวไม่ดีอย่างรุนแรง แต่เวลาเดียวกัน เราก็เห็นว่ายังมีคนอีกมากมายที่แม้ว่าจะกำลังทำผิดกฎหมาย แต่ก็ปฏิบัติตนด้วยความสงบและมีความจริงใจที่อยากจะเห็นประเทศดีขึ้น เรามองเห็นคนกลุ่มนี้ด้วย"
เราจะไม่สามารถได้มาซึ่งสังคมแบบที่เราต้องการ ด้วยการโจมตีสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของคนไทย
ขณะเดียวกัน เราก็ไม่สามารถได้มาซึ่งสังคมแบบที่เราต้องการด้วยการขอคืนพื้นที่ ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ดังนั้นรัฐบาลพยายามผ่อนปรน หลีกเลี่ยง และมีการประกาศให้ทราบก่อนทุกครั้งตามมาตรฐานสากล
จ่อยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เว้นมีเหตุรุนแรง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในฐานะผู้นำประเทศที่ต้องรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประท้วงหรือประชาชนที่นิ่งเงียบ วันนี้ตนเองจะเป็นคนเริ่มก้าวแรกเพื่อที่จะลดอุณหภูมิความรุนแรง
ผมกำลังเตรียมที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงฯ เร็วๆ นี้ ยกเว้นหากมีสถานการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
ดังนั้นจึงขอให้ผู้ประท้วงแสดงความจริงใจในเจตนาดีของท่านที่มีต่อประเทศดังที่ท่านพูด โดยการเคารพกฎหมาย เคารพระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ขอให้ท่านแสดงความคิดความต้องการผ่านผู้แทนราษฎรของท่าน ซึ่งมีขั้นตอนกำหนดเวลาไปตามลำดับ
"ผมขอพวกท่านด้วยความจริงใจของผม เมื่อผมยอมก้าวไปในแนวทางนี้ ผมก็ขอให้พวกท่านก้าวไปในแนวทางเดียวกันด้วย และลดระดับเสียงของการสาดถ้อยคำที่สร้างความแตกแยกและเกลียดชังในสังคม สร้างความเจ็บปวดให้กับคนในสังคม ผมขอให้ทุกคนร่วมใจกัน ทำให้เมฆดำที่กำลังเคลื่อนมาปกคลุมประเทศไทยของเรา ให้หายไป"
นอกจากนี้ นายกฯ ระบุว่า ในเวลาเดียวกันนี้ภารกิจที่ต้องเริ่มทำคู่ขนานกันไป คือนำเอาประเด็นต่างๆ ที่ควรได้รับการแก้ไขมาพิจารณา เพื่อแก้ไขให้เกิดผลดีในระยะยาว โดยเราต้องรักษาบาดแผลให้ทุเลาลง ก่อนที่มันจะบาดลึกมากไปกว่านี้