วันนี้ (26 ต.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมรัฐสภา เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 09.30 น. โดยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สมาชิกรัฐสภา ลุกขึ้นยืนเพื่อรับพระบรมราชโองการพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภา เป็นการประชุมสมัยวิสามัญ ตามความในมาตรา 122 และ 175 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
จากนั้น ประธานรัฐสภาแจ้งเปิดประชุมวันแรก เพื่อรับฟังความเห็นจากสมาชิก ใน 3 ญัตติ โดยมั่นใจว่าการอภิปรายจะเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม ส่วนข้อกังวลการอภิปรายของสมาชิก ที่อาจจะอภิปรายขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ย้ำว่า ทุกคนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุม
เวลา 09.51 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ วิปฝ่ายรัฐบาล แจ้งว่า จะใช้เวลา 2 วันรวม 25 ชั่วโมง ซึ่งวันแรก และคณะรัฐมนตรี มีเวลาตอบและชี้แจง 5 ชั่วโมง และฝ่ายค้านมีเวลา 8 ชั่วโมง โดยคาดว่าคืนนี้จะจบในเวลา 22.30 น.และเวลาที่เหลือจะใช้วันพรุ่งนี้ 09.30 น.ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบตามกำหนดเวลา
เวลา 09.55 น.นายชวนระบุว่า การอภิปรายทั่วไปขอให้สมาชิกปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ ต้องไม่พูดวนเวียนซ้ำซากกับผู้อื่น ห้ามนำเอกสาร หรือวัสดุใด มา ไม่แสดงกริยาไม่สุภาพ และห้ามกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตรย์
จากนั้น เวลา 09.56 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีปัญหาบ้านเมือง สถานการณ์ชุมนุมตั้งแต่ 14 ต.ค.มาต่อเนื่อง ซึ่งไม่อยากพูดถึงและเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น และบางครั้งมีการพักค้างด้วย ห่วงว่าจะเกิดความยืดเยื้อ และรัฐบาลอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 และมาตรา 11 ในการการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเดิมกำหนดสิ้นสุด 30 วัน
ที่ผ่านมามีการอะลุ่มอล่วยผ่อนผันพยายามเตือน หยุดยั้ง แต่การชุมนุมยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง และการชุมนุมตามสิทธิเสรีภาพ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ข้อเรียกร้อง เช่นการปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับ การยกเลิกพ.ร.ก.และการปฏิรูปสถาบันฯ บางแห่งมีปัญหาบ้าง และไม่อยากให้เกิดการจลาจล แม้จะมีปัญหาแบบไหน เชื่อว่าทุกคนรักชาติบ้านเมือง และต้องการอนาคตที่ดีของประเทศ รักในรากเหง้าความเป็นไทย เป็น 2 เรื่องที่ต้องเดินไปด้วยกันได้ ต้องไม่ทำลายอดีตที่คุณค่า และหยั่งรากลึกในหัวใจของคนไทย
เวลา 10.04 น.นายกรัฐมนตรีอภิปรายว่า หวังว่าจะใช้เวลา 2 วันในการหารือกัน และต้องรวบรวมสติปัญหาของสมาชิกทุกคนหาทางออก และเลือดรักชาติทุกหยดที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ กับคนไทยและต้องปกป้องอดีตที่มีคุณค่าไว้
เชื่อว่าสังคมพื้นฐานไทยจะห่วงใยกัน แม้จะมีเรื่องที่ไม่เห็นต่างกันแต่ก็ยังรักกันตลอดไป