วันนี้ (29 ต.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวอเมริกันหลายคนติดตั้งแผ่นไม้ขนาดใหญ่ตามประตู และหน้าต่างของห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความกังวลของชาวอเมริกันต่อความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเตรียมความพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ในการก่อความไม่สงบด้วยเช่นกัน หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เคยพูดให้ท้ายกลุ่มขวาจัดในการประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรก เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
ความรุนแรงทางการเมืองบนท้องถนนในสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มที่สร้างความเกลียดชัง โดยเฉพาะกลุ่มขวาจัด ยิ่งจำนวนคนผิวขาวในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงมากเท่าไร ยิ่งทำให้กลุ่มขวาจัดออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น
ข้อมูลจากหน่วยงานด้านสิทธิพลเมืองชี้ให้เห็นว่า กลุ่มเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2016-2018 ซึ่งเป็นปีที่ทรัมป์บริหารประเทศ กลุ่มเชิดชูคนขาวเพิ่มขึ้น 55% ในช่วงปีที่ 2 ของทรัมป์ ทำให้กลุ่มเหล่านี้เพิ่มจาก 954 เป็น 1,020 กลุ่ม ในปี 2017 เกิดการเดินขบวนของกลุ่มขวาจัดในนาม Unite the Right ที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ชนวนการเดินขบวนประท้วงมาจากความไม่พอใจแนวคิดการรื้อทำลายอนุสาวรีย์ของนายพลโรเบิร์ต อี. ลี จนนำไปสู่การเผชิญหน้าของผู้มีอุดมการณ์ต่างกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บหลายคน
ความกังวลต่อเหตุวุ่นวายเพิ่มมากขึ้น หลัง Reuters/Ipsos เปิดเผยผลสำรวจวันที่ 13-20 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยผลสำรวจชี้ว่ากลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ และโจ ไบเดน มากกว่า 4 คนจากทั้งหมด 10 คน จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีคนส่วนน้อยที่จะออกมาประท้วงและใช้ความรุนแรง หากผู้สมัครที่ชื่นชอบพ่ายแพ้การเลือกตั้ง
รศ.สิริพรรรณ นกสวน สวัสดี นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำให้จับตาการนับคะแนน หลังการเลือกตั้งที่อาจจะนำไปสู่การก่อความรุนแรงได้
จุดจับตาที่น่าสำคัญคือ วันเลือกตั้ง 3 พ.ย. อาจมีการนับบัตรของคนที่มาใช้สิทธิในคูหาก่อน ส่วนบัตรที่ส่งมาทางไปรษณีย์จะนับทีหลัง ขณะที่บางมลรัฐขยายเวลาการนับบัตรไปจนถึงวันที่ 17 พ.ย. หากผลที่ประกาศออกมาวันแรกกับวันสุดท้ายไม่ตรงกัน อาจเป็นเหตุให้ทรัมป์อ้างได้ว่าเกิดการโกง
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เหล่านี้มีความสลับซับซ้อนและเชื่อมโยงกับการเมืองอย่างแยกไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นยังตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกแยกในสังคมอเมริกันที่ร้าวลึกได้ชัดเจนในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา