กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Suphaksana Vavichanee" ตามหาแมวชื่อ "เจ้าสัว" อายุ 2 ปี ตัวผู้ สายพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ หลังหลุดออกจากบ้านใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และภายหลังทราบว่า เพื่อนบ้านได้แจ้งมูลนิธิแห่งหนึ่งให้ไปช่วยจับเนื่องจากกลัวว่าแมวจะไปกัดลูกหลาน กระทั่งพบว่าแมวตัวดังกล่าวตายในป่าปากทางเข้าหมู่บ้านเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าของแมวจึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
วันนี้ (10 พ.ย.2563) ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ "นายบอย" เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยกล่าวว่า ขณะนี้ทางมูลนิธิฯ การสั่งพักงานเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนดังกล่าวไม่มีกำหนดเนื่องจากต้องรอความชัดเจนจากตำรวจและเจ้าของแมว ซึ่งจากการพูดคุยเจ้าหน้าที่คนนี้ทำงานมาแล้ว 12 ปี ค่อนข้างเสียใจกับเรื่องดังกล่าวและรู้สึกแย่ทั้งเรื่องที่แมวตายและสั่งถูกพักงาน
เราทำดีที่สุดแล้ว พี่คนนี้ทำงานมา 12 ปี ทุ่มเทกับงานมาก ไม่ว่าจะการช่วยเหลือคนเจ็บ คนตายจากอุบัติเหตุ แม้แต่ชีวิตของสุนัขและแมวที่ตกท่อ ติดบนหลังคาก็ช่วยเหลือมาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์นี้จนถูกพักงานที่ตัวเองรักและอุทิศตัว
แหล่งข่าวจากมูลนิธิฯ กล่าวว่า เพื่อน ๆ ได้ให้กำลังใจและอยากให้มีการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อหาทางออกกับกรณีนี้ไม่อยากให้คนที่ทำงานทุ่มเท เสียกำลังใจและอยากให้รับฟังข้อมูลรอบด้านด้วย
WDT ชี้เข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ บางปะอิน โพสต์ชี้แจงข้อมูลอย่างละเอียด แต่มีคนเข้ามาคอมเม้นต์รุนแรง
ส่วนอีกมุม มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand (WDT) โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า จากการตรวจสอบ ฟังข้อมูล และสถานที่ที่นำแมวไปปล่อยและวิธีการจับแมวใส่กระสอบอาจเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่เดิมของสัตว์โดยน้ำมือมนุษย์ คือนำสัตว์ไปปล่อยในสถานที่ที่ไม่มีสวัสดิภาพสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมาจร แมวจร หรือ หมาแมวที่มีเจ้าของก็มีความผิด ไม่มีข้อยกเว้นว่า ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐหรือเอกชนไม่ทราบกฎหมาย
ขณะนี้เจ้าของแมวนำส่งซากแมวไปโรงพยาบาลสัตว์กรุงศรีฯ รอผลการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี หลังเจ้าของเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะอิน อยุธยา