วันนี้ (12 พ.ย.2563) การยาสูบแห่งประเทศไทย พร้อมเดินหน้าโครงการปลูกพืชทดแทน เพื่อช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบในสังกัดที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษี พร้อมหารายได้เพิ่มทุกช่องทาง
ทั้งการต่อยอดธุรกิจผลิตกัญชง-กัญชา เชิงพาณิชย์ โครงการพัฒนาธุรกิจที่ดินให้เกิดประโยชน์ และเพิ่มรายได้ให้องค์กรในอนาคต เพื่อให้การดำเนินธุรกิจบรรลุผลสำเร็จตามพันธกิจขององค์กร คือ การนำส่งรายได้สู่รัฐ และการพัฒนาธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการ ยสท. กล่าวว่า ยอดจำหน่ายบุหรี่ของ ยสท. ในปีงบประมาณ 2563 ลดลงจากปีงบประมาณ 2562 จำนวน 1,138.35 ล้านมวน (ร้อยละ 6.12) ในภาพรวม การจำหน่ายยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่อง
จากภาระภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งมีการปรับเพิ่มขึ้นโดยคิดภาษีตามมูลค่าที่ร้อยละ 20 และร้อยละ 40 ทำให้ราคาบุหรี่ของ ยสท. ต้องปรับราคาขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าของ ยสท.จำนวนหนึ่ง หันไปบริโภคบุหรี่ปลอมและบุหรี่เถื่อนทดแทน
นอกจากนี้ บุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ ยังเลือกที่จะปรับลดราคาขายปลีกลงมาเพื่อให้อยู่ในฐานภาษีขั้นต่ำ จึงเกิดการแข่งขันแย่งฐานลูกค้าหลักของ ยสท. โดยตรง ทำให้ ยสท. ต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน
พร้อมกับเปิดช่องทางใหม่ๆ ทางธุรกิจเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งเร่งรัดปราบปรามบุหรี่เถื่อนบุหรี่ผิดกฎหมาย เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของบุหรี่ ยสท. และรักษาผลประโยชน์ของรัฐ
ภารกิจเร่งด่วนที่ ยสท. กำลังดำเนินการในขณะนี้ คือ การเสนอให้มีการทบทวนแก้ไขโครงสร้างภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ให้เหมาะสม รักษาผลประโยชน์รัฐ สร้างรายได้ที่เป็นธรรมแก่ ยสท. ผู้ประกอบอุตสาหกรรม เกษตรกรและผู้ค้านับแสนราย บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคม
ยสท.เดินหน้าส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เพื่อทดแทนยาสูบ เช่น กัญชง-กัญชา เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนให้แก่ ยสท. และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเครือข่าย เป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยในปีงบประมาณ 2563 ที่ผ่านมา ยสท.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อร่วมกันพัฒนาพืชยาสูบ กัญชง กัญชา และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ
ทั้งในด้านการวิจัย การผลิตบัณฑิต การพัฒนาบุคลากร การแลกเปลี่ยนนักวิชาการและนักวิจัย รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องสู่เกษตรกรชาวไร่ในสังกัด ยสท.
อีกหนึ่งภารกิจสำคัญ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ ยสท. คือ การนำที่ดินที่มีอยู่ในครอบครองมาพัฒนาหรือทำโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์และเกิดรายได้เพิ่มขึ้น
เช่น ที่ดินใจกลางเมือง จ.เชียงราย จำนวน 17 ไร่ ที่ดินใจกลางเมืองเชียงใหม่ และริมแม่น้ำปิง 720 ไร่ ที่ดิน จ.หนองคายและนครพนม 20 ไร่ ที่ดินใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำกว่า 5 ไร่ ฯลฯ
ซึ่งที่ดินแต่ละแปลงสามารถนำไปพิจารณาทำโครงการได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งโรงแรม ตลาด สปอร์ตคอมเพล็กซ์ หรือแม้แต่การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยเร็วๆ นี้ ยสท. จะเปิดโอกาสให้เอกชนที่สนใจได้เข้ามายื่นข้อเสนอโครงการต่อไป