บ้านใหญ่ "สะสมทรัพย์" ตระกูลที่คุมบังเหียนอย่างยาวนาน มากว่า 20 ปี ครั้งนี้ ส่ง นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ ลูกชายคนโตของนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ผู้มากบารมีแห่งเมืองนครปฐม เป็นตัวแทนลงสนามเลือกตั้งนายก อบจ. หลังจากส่งลูกชายคนรองนายพาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา เข้าสภาไปก่อนหน้านี้ ตามเจตนาที่จะส่งไม้ต่อให้รุ่นลูก ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ สานต่องานการเมืองในพื้นที่
นายจิรวัฒน์ มีดีกรีจบการศึกษาระดับปริญญาโท พ่วงด้วยประสบการณ์ในการบริหารงานธุรกิจด้านการฝังกลบและบริหารจัดการขยะ ซึ่งเป็นกิจการในครอบครัวสะสมทรัพย์ และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นลูกไม้ที่ตกใต้ต้น ที่เดินหน้าลงสู่ถนนการเมืองในระดับท้องถิ่น นับตั้งแต่ตัดสินใจลงเล่นการเมืองเป็นครั้งแรก ก็ลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านและผู้นำชุมชน มาอย่างต่อเนื่อง เก็บข้อมูลความเดือดร้อนและความต้องการของชาวบ้าน มาระยะหนึ่งจนเป็นที่รู้ของชาวบ้าน
โดยวางนโยบายในการหาเสียง 4 ข้อ เพื่อครองใจชาวบ้าน คู่ขนานไปกับการช่วยสนับสนุนผู้สมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ในนาม "กลุ่มชาวบ้าน" ทุกเขตที่ลงรับเลือกตั้ง ทั้งนโยบายด้านการศึกษา ,ด้านสาธารณสุข ,ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ
จะว่าไปแล้ว กลุ่มการเมืองท้องถิ่นของบ้านสะสมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ "กลุ่มชาวบ้าน" ส่งคนลงสมัครเลือกตั้ง ส.จ. จนทุกวันนี้ กลุ่มชาวบ้านยึดสภา อบจ.นครปฐม และมีตัวแทนเป็นนายก อบจ.นครปฐม มาเกือบทุกสมัย แม้จะอกหักจากการเมืองระดับชาติ คว้าเก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดมาได้เพียง 2 เก้าอี้ จึงอาจไม่ใช่เรื่องยาก ที่นายจิรวัฒน์ จะคว้าเก้าอี้นายก อบจ.สานต่องานของบ้านใหญ่ แม้อาจต้องเสียขวัญไปบ้าง เมื่อผู้เป็นพ่อ หรือ นายไชยา เพิ่งจะเสียชีวิตลงเมื่อวานนี้ หลังล้มป่วยมานานกว่า 5 ปี
แต่สนามเลือกตั้ง อบจ.นครปฐม น่าจะง่ายกว่านี้ ถ้าไม่มีคู่แข่งที่ชื่อ "พเยาว์ เนียะแก้ว" ที่เปิดหน้าท้าชิงกับบ้านใหญ่ "สะสมทรัพย์" และนายพเยาว์คนนี้ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลของบ้านใหญ่
ที่ว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็เพราะนายพเยาว์ คนนี้.เป็นอดีตลูกหม้อของบ้านใหญ่ และมีดีกรีเป็นอดีตนายก อบจ.นครปฐมถึง 4 สมัย ในนาม "กลุ่มชาวบ้าน" แต่ลาออกจากตำแหน่งมาก่อนหน้านี้ด้วยปัญหาสุขภาพ
หลังพ้นชายคาของ "บ้านใหญ่" ก็ออกมาตั้งกลุ่มการเมืองใหม่ ชื่อ "พลังแผ่นดิน" รวบรวมสมัครพรรคพวก อดีต ส.จ. อดีตนักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองหน้าใหม่ ชูผลงานที่ทำมาในอดีต และการต่อยอดงานใหม่ชูสโลแกน "ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน"
ว่ากันว่า สาเหตุหนึ่งที่นายพเยาว์ออกมาจากบ้านใหญ่ ก็เพราะการปรับกระบวนทัพของบ้านใหญ่ ดันคนรุ่นใหม่ในตระกูลลสนามการเมือง ทั้งในระดับชาติ และในระดับท้องถิ่น เมื่อมีนายจิรวัฒน์เป็นตัวแทน จึงไม่มีที่ว่างสำหรับนายพเยาว์
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ และคงจะไม่ใช่งานง่ายของบ้านใหญ่ เพราะคนนครปฐมที่เลือกกันที่ตัวบุคคล ไม่ใช่ กลุ่ม หรือ พรรค และด้วยความเจนเวที เป็นที่รู้จัก ใกล้ชิด และรับรู้ปัญหาของชาวบ้าน ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่งนายก อบจ.นครปฐม 4 สมัย จนกลายเป็นที่กล่าวขานกันว่า แค่ นายพเยาว์ คนนี้ลงสมัคร ก็เรียกว่าชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว จึงไม่แน่ว่าศึกเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ อาจจะเกิดกรณีล้มบ้านใหญ่โดยคนเคยรักก็ได้
นอกจากบิ๊กเนม 2 คนนี้แล้ว ที่ถูกจับตาว่าอาจเป็นม้ามืด คือ "หมอชัช-นายสัตวแพทย์ชัชวาล นันทะสาร" เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ลงแข่งขันหวังปลุกคนนครปฐม โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นแม่เหล็กที่ช่วยดึงเสียงคนรุ่นใหม่ และฐานเสียงเดิมของอนาคตใหม่ในพื้นที่ ชูตัวเลือก "ทางเลือกใหม่ของคนนครปฐม" ด้วยแคมเปญ "นายใหญ่ คือ ประชาชน" เหมือนจะบอกว่า หากเลือก "หมอชัช" คนที่สั่งได้คือประชาชนและพร้อมฟังเสียงประชาชนมาทำแผนพัฒนาจังหวัดทุกมิติ
แม้ชื่อ "หมอชัช" จะยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก แต่คนที่รัก "ธนาธร" และอนาคตใหม่ อาจจะพร้อมเทใจให้ผู้สมัครคณะก้าวหน้านครปฐม ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา ที่คนอนาคตใหม่สามารถล้มอดีต ส.ส.นครปฐมได้หลายเขต
ขณะที่ ฟากฝั่ง "เพื่อไทย" ส่ง สจ.วินัย วิจิตรโสภณ ลงแข่งขัน ด้วยเป้าหมายเพื่อรักษาฐานคะแนนระดับประเทศไว้ สนามเลือกตั้ง อบจ.นครปฐม รอบนี้ อาจแตกต่างจากที่ผ่านๆมา เพราะแว่วว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ที่นำไปสู่การบริหารและการพัฒนาใหม่ๆ แต่อยู่ที่ว่าเสียงส่วนนั้นกล้าตัดสินใจ เพื่อความเปลี่ยนแปลงหรือไม่