ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

พบปะการังอ่อน 2 ชนิดใหม่ของโลกตั้งชื่อ “สิรินธรเน่-คอร์นิกีร่า”

สิ่งแวดล้อม
17 ธ.ค. 63
16:27
4,817
Logo Thai PBS
พบปะการังอ่อน 2 ชนิดใหม่ของโลกตั้งชื่อ “สิรินธรเน่-คอร์นิกีร่า”
นักวิจัย จุฬาฯ ค้นพบปะการังอ่อน 2 ชนิดใหม่ของโลก พบแห่งเดียวที่เกาะแสมสาร จ.ชลบุรี กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานนาม “สิรินธรเน่” และ "คอร์นิกีร่า" ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยนานาชาติ Zootaxa ระบุบ่งชี้ถึงความหลากหลายสายพันธุ์ปะการัง

วันนี้ (17 ธ.ค.2563) รศ.ดร.วรณพ วิยกาญจน์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการที่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โดยกลุ่มการวิจัยชีววิทยาแนวปะการัง ได้ร่วมกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองทัพเรือ ภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วิจัยความหลากหลายของปะการังความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการัง รวมถึงการฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ทั้งบริเวณฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน

ล่าสุดได้ค้นพบปะการังอ่อนชนิดใหม่ของโลก 2 ชนิด ซึ่งอยู่ภายใต้สกุล “Chironephthya” (ไคโรเนฟเฟีย) จึงนำเสนอเรื่องเพื่อกราบบังคลทูลสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงทราบ และขอทรงมีพระราชวินิจฉัยพระราชทานชื่อวิทยาศาสตร์ โดยปะการังอ่อน 2 ชนิดที่ค้นพบใหม่นี้

หนึ่งในชนิดปะการังนี้ ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อชนิดว่า “sirindhornae” (สิรินธรเน่) ซึ่งเป็นชื่อตามพระนามขององค์ประธานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ

สำหรับปะการังอ่อนอีกชนิดหนึ่งได้ชื่อว่า “cornigera”(คอร์นิกีร่า) โดยชื่อปะการังชนิดใหม่ของโลกที่ค้นพบในน่านน้ำไทยได้ตีพิมพ์เผยแพร่ผ่านวารสารวิจัยระดับนานาชาติ Zootaxa (ซูแท๊กซ่า) ในปีนี้  

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

รศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปะการังอ่อนชนิดใหม่ทั้ง 2 ชนิดนี้จัดเป็นปะการังที่หายาก

แต่พบได้ในบริเวณหมู่เกาะแสมสาร และที่หมู่เกาะแถวพัทยา จ.ชลบุรี ที่ระดับความลึกตั้งแต่ประมาณ 8 –19 เมตร ขนาดของปะการังสูงประมาณ 4 เซนติเมตร ปะการังอ่อนทั้งสองชนิดนี้ชอบอาศัยในบริเวณที่มีกระแสน้ำไหล เนื่องจากสามารถจับหาอาหารบริเวณนี้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับปะการังอ่อนชนิด “sirindhornae” นี้เป็นปะการังอ่อนที่มีสีชมพูสวยงามเหมือนดอกไม้ ส่วนปะการังอ่อนชนิด “cornigera” เป็นปะการังอ่อนที่มีสีส้มเหลือง ชื่อ “cornigera” แปลว่า แตร เพราะมีรูปร่างเหมือนแตร

การค้นพบปะการังอ่อนชนิดใหม่ของโลกในน่านน้ำไทยนี้ แสดงให้เห็นว่า ใต้ทะเลของประเทศไทยยังมีความหลากหลายของปะการังอีกมาก ที่ยังรอการค้นพบจากนักวิทยาศาสตร์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อการอนุรักษ์ ก่อนที่ปะการังเหล่านั้นจะถูกทำลายและหายไปเนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

แห่งเดียวของโลกพบที่เกาะแสมสาร จ.ชลบุรี 

สำหรับปะการังอ่อนชนิดพันธุ์ใหม่ที่ 1 Chironephthya sirindhornae (ไคโรเนฟเฟีย สิรินธรเน่) หรือปะการังสีชมพู ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ตามพระนามสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นองค์ประธานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปะการังชนิดนี้มีลำตัวสีชมพู และที่ปลายแหลมเป็นสีเหลือง

ปะการังอ่อนชนิดพันธุ์ใหม่ที่ 2 Chironephthya cornigera  ไคโรเนฟเฟีย คอร์นิกีร่า) หรือปะการังสีส้มเหลือง ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ตามรูปร่างของปะการัง ซึ่งมีรูปร่างเหมือนแตร ปะการังชนิดนี้มีลำตัวสีส้มหรือสีเหลือง และมีหนวดเป็นสีขาว

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

สถานภาพของประชากร จัดเป็นปะการังอ่อนที่หายาก ปัจจุบันมีรายงานค้นพบเพียงแห่งเดียวที่ จ.ชลบุรี บริเวณหมู่เกาะแสมสารและที่หมู่เกาะแถวพัทยา ที่ระดับความลึกตั้งแต่ประมาณ 8 ถึง 19 เมตร ปะการังอ่อนทั้งสองชนิดนี้ชอบอาศัยในบริเวณที่มีกระแสน้ำไหล

เนื่องจากสามารถจับหาอาหารบริเวณที่มีกระแสน้ำไหลได้เป็นอย่างดี การค้นพบปะการังอ่อนสามารถใช้เป็นตัวขี้วัดทางชีวภาพที่สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลว่า บริเวณนั้นยังมีความหลากหลายของปะการังสูง

การค้นพบในครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้โครงการการศึกษาวิจัยความหลากหลายของปะการังในน่านน้ำไทย ยังได้รับการสนับสนุนจาก สำนักเลขาธิการคณะอนุกรรมาธิการสมุทรศาสตร์ระหว่างรัฐบาลภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตกภายใต้ยูเนสโก (UNESCO-IOC/WESTPAC) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง