วันนี้ (18 ธ.ค.2563) กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่รายงาน การประเมินนโยบายเศรษฐกิจ และอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ฉบับล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีประเทศคู่ค้าสำคัญ 10 ประเทศ รวมถึงไทยที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "Monitoring List" หรือ บัญชีติดตามเฝ้าระวัง ว่าจะใช้มาตรการลดค่าเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุลมากกว่าร้อยละ 2 ของ GDP ซึ่งเป็นเกณฑ์ และเงื่อนไขภายใต้กฎหมายภายในของสหรัฐฯ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบการส่งออก และการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ทันที จึงต้องจับตาว่า สหรัฐฯ จะออกมาตรการตอบโต้ทางการค้าใดๆ หรือไม่ แต่เชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย จะสามารถบริหารจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทที่ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
ขณะที่ นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า การขึ้นบัญชีดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจระหว่างไทย และสหรัฐฯ รวมทั้งไม่กระทบการดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามพันธกิจธนาคารกลาง ที่ต้องดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำความเข้าใจกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายการเงิน และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่น ตลอดจนดูแลค่าเงินตามความจำเป็น เพื่อชะลอความผันโดยไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศแต่อย่างใด