กรณีช้างป่าตัวผู้อายุ 8 ปีชื่อ "พลายยันหว่าง" ตายระหว่างเคลื่อนย้ายจากอ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ไปไปยังพื้นที่โครงการจัดการช้างป่าเขาตะกรุบ จ.สระแก้ว ซึ่งมีการวิจารณ์ว่าเกิดจากความผิดพลาดในการให้ยาซึม กับช้างเกินขนาดจนทำให้ช้างตาย
วันนี้ (25 ม.ค.2564) นายสมปอง ทองสีเข้ม ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า กรมอุทยานฯ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีนายบรรพต มาลีหวล เป็นประธานสอบให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน โดยต้องการหาคำตอบว่าพลายันหว่างตายจากสาเหตุอะไร มีการดำเนินการตามขั้นตอนตามหลักวิชาการในระหว่างการเคลื่อนย้ายช้างหรือไม่ เนื่องจากพบว่าการย้ายช้างทำในเวลากลางคืน
ผลชันสูตร พบว่าช้างมีอาหารเต็มกระเพาะ มีอาการสำลักเศษอาหารเข้าสู่หลอดลมกะทันหัน ทำให้หายใจไม่สะดวก ขาดอากาศหายใจ แต่ยังต้องชันสูตรหาสาเหตุตายอย่างละเอียด 3 สถาบันคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ และสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ
ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติฯ
สัตวแพทย์ไม่ขออนุญาตจากกรมอุทยานฯ
นายสมปอง กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบยังพบอีกว่าการเคลื่อนย้ายช้างตัวนี้ ดำเนินการโดยสัตวแพทย์จากสบอ.2 และสบอ.14 ไม่ได้ขออนุญาตเคลื่อนย้ายช้างมาที่กรมอุทยานแห่งชาติโดยตรง แต่เป็นการขออนุญาตในระดับพื้นที่เท่านั้น เป้าหมายจะเคลื่อนย้ายพลายยันหว่าง ที่ชอบออกหากินนอกพื้นที่อนุรักษ์ ไปดูแลที่เขาตะกรุบ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการย้ายเพื่อติดปลอกตามที่เป็นข่าว
พลายยันหว่างมีการติดปลอกคอไว้ตั้งแต่ 7 พ.ค.63 ปี แต่พบว่าปลอกคอหลุดในช่วงเดือนธ.ค.เพราะหลวม แต่ยังไม่ได้มีการติดรอบใหม่
นายสมปอง กล่าวอีกว่า กรณีนี้ยังต้องสอบต่อว่าทำไมถึงไม่ขอสัตวแพทย์จากส่วนกลางและผู้เชี่ยวชาญด้านช้างมาช่วย ดังนั้นกรมอุทยานฯจึงต้องคณะทำงานอีก 1 ชุดเพื่อให้คำแนะนำต่างๆในการเคลื่อนย้ายช้างและการอนุญาต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอย
ขณะที่ซากของพลายยันหว่าง เจ้าหน้าที่ฝังกลบพลายยันหว่างแล้ว โดยนายพิทักษ์ ยิ่งยง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ กล่าวว่า สัตวแพทย์ผ่าชันสูตรหาสาเหตุตายของพลายยันหว่าง พบว่า มีเศษอาหารอุดตันที่หลอดลม ตับ ไต มีขนาดใหญ่กว่าปรกติ ม้ามซีด ลำไส้มีจุดแดง แต่ยังไม่สรุปสาเหตุที่ทำให้ช้างตาย
ส่วนกรณีที่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการใช้ยาเกินขนาดนั้น ยืนยันว่า ขณะขนย้ายสัตวแพทย์ใช้ยาตามเกณฑ์มาตรฐาน