วันนี้ (30 ม.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่า วัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้ร้อยละ 66 หลังจากทำการทดสอบทางคลินิกในระยะที่ 3 กับอาสาสมัครราว 44,000 คนในสหรัฐอเมริกา ลาตินอเมริกา และแอฟริกาใต้ โดยวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้ น้อยกว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่พบการกลายพันธุ์
วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีจุดเด่นที่เป็นวัคซีนเข็มเดียว ต่างจากวัคซีนของบริษัทอื่นๆ ที่ต้องฉีด 2 เข็ม โดยเว้นระยะห่างกันหลายสัปดาห์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ขณะที่สำนักงานยายุโรป อนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เป็นกรณีฉุกเฉิน สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ท่ามกลางความหวังว่าการจัดเก็บและขนส่งวัคซีนดังกล่าวที่ไม่ต้องแช่แข็งเหมือนวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา จะทำให้การกระจายวัคซีนทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
ด้านสหภาพยุโรป ประกาศเริ่มการสังเกตการณ์และห้ามส่งออกวัคซีน COVID-19 ซึ่งผลิตจากโรงงานภายในอียู โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (30 ม.ค.) ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 6 สัปดาห์ และอาจจะใช้มาตรการนี้ไปจนถึงปลายเดือน มี.ค.2564
ภายใต้ข้อบังคับดังกล่าว บริษัทที่ตั้งอยู่ในอียูจะต้องยื่นขออนุมัติการส่งออกวัคซีนไปยังประเทศนอกอียู พร้อมทั้งสำแดงบันทึกการส่งออกย้อนหลัง 3 เดือน ยกเว้นการส่งออกไปยังสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศในแถบบอลข่าน โมนาโก และไอร์แลนด์เหนือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"โนวาแวกซ์" เผยวัคซีน COVID-19 ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ได้
เยอรมนีแนะไม่ควรฉีดวัคซีน "แอสตราเซเนกา" ให้คนอายุ 65 ปีขึ้นไป
อนามัยโลกมั่นใจปรับปรุงวัคซีนรับมือ COVID-19 กลายพันธุ์ได้