วันนี้ (19 ก.พ.2564) เวลา 12.10 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเป็นประธาน ก.ตร. ลุกขึ้น ชี้แจงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ระบุว่ามีความไม่เป็นธรรม มีการรับเงิน ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทั่วประเทศ
ประท้วงวุ่น! ปูด "ตั๋วตำรวจ" พาดพิงคนนอกสภาซื้อขายตำแหน่ง
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ในช่วงที่ตนนั่งเป็นประธาน ก.ตร. ยืนยันว่าทำตามระเบียบของตำรวจ และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง ส่วนการพิจารณาแต่งตั้งเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการพิจารณาบุคคลที่มีความสามารถ
“ประยุทธ์” รับเว้นหลักเกณฑ์ อยู่กับผู้บังคับบัญชา
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจง ในฐานะ ประธานคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) ระบุว่า ตนได้ฟังข้อมูลการอภิปรายตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ โดยชี้แจงว่า การทำงานต้องรู้ขั้นตอน รู้กฎหมาย และรู้หลักปฏิบัติ ซึ่งหลายคนในสภาฯ ก็เป็นตำรวจ แต่ไม่ได้ปฏิบัติงานในระดับสูง ถึงขั้นเป็นคณะกรรมการ ก.ตร.
หนังสือสนับสนุนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับสารวัตร (สว.) ที่เสนอ ผบ.ตร. เป็นเพียงหนังสือสนับสนุนการพิจารณาขอแต่งตั้ง ซึ่งมาจากหน่วยงานใดก็ได้ เป็นดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา
การยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งถูกเสนอโดย ตร. ผ่านผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้นขึ้นมา เป็นการพิจารณาถึงความรู้ความสามารถ ความประพฤติ ประสบการณ์ รวมทั้งมีเหตุผลสมควรและความจำเป็น
ในการแต่งตั้งดำรงตำแหน่ง ที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถพิเศษเฉพาะทาง ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ทำงานในตำแหน่งที่จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้
ร้องเรียนได้ถ้าโยกย้ายไม่เป็นธรรม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การแต่งตั้งที่ผ่านมา เป็นไปตามหลักเกณฑ์ พ.ร.บ.ตำรวจ และกฎ ก.ตร. ส่วนตำรวจที่เชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนร้องทุกข์ได้ และที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการดังกล่าวโดยตลอด
มีการเสนอรายชื่อผู้ร้องเรียนและขออุทธรณ์ใน ก.ตร. โดยหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจมี 3 ระดับ ส่วนตนเข้าไปเกี่ยวข้องในการแต่งตั้งระดับชั้นนายพล ซึ่งมีกรรมการหลายคนทั้งบุคคลใน ตร. และบุคคลภายนอก
"ถ้ามองว่าแต่งตั้งจากอาวุโสอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูความเหมาะสมด้วย"
อย่าพูดลอยลม ไม่เคยรับเงินแต่งตั้งโยกย้าย
ส่วนการตั้งแต่รองผู้กำกับการลงมา ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการแต่ละหน่วยแต่งตั้งเอง เป็นการกระจายอำนาจไปในหลายระดับ กรณีที่หลายคนบอกว่าต้องเสียเงินนั้น ตนและรองนายกฯ เคยประกาศไปแล้ว ให้ร้องเรียนมาได้โดยตรง เพราะที่อ้างว่าตนและรองนายกฯ ได้ประโยชน์นั้น ถามกลับว่า ได้ประโยชน์ในส่วนใด และมีหลักฐานหรือไม่ อย่าพูดลอยลม
ยืนยันไม่เคยปิดโผแต่งตั้งโยกย้าย
ในส่วนรายชื่อตำรวจที่จะนำมาพิจารณานั้น มีการเปิดเผย ไม่ใช่เรื่องลับ บัญชีแรกที่เข้ามาคือความเหมาะสมและอาวุโส จะหัวตารางหรือท้ายตาราง ก็เป็นกลุ่มที่มีความเหมาะสมและถูกเสนอชื่อเข้ามาพิจารณา
องค์กรตำรวจเป็นองค์กรขนาดใหญ่ กำลังพลกว่า 200,000 นาย ต้องดำเนินการตามหลักการกฎหมาย ส่วนประเด็นการแต่งตั้งข้าราชการเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ซื้อขายตำแหน่ง ขอให้ร้องเรียนเข้ามา ยังไม่เคยมีคนรับสารภาพว่าจ่ายเงินให้ใคร
ที่บอกว่าทั้งหมดส่งให้ผม ให้รองนายกฯ ยืนยันว่าไม่มี ผมไม่เคยรับผลประโยชน์ใดใดทั้งสิ้น
ขณะที่การคัดเลือกตัวบุคคลดำรงตำแหน่ง มีการจัดตั้งหน่วยงานในพระองค์ เรียกว่าตำรวจมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 เป็นการปรับย้าย ปรับโอนตำรวจเข้าไปในหน่วยนี้ จำเป็นต้องมีการคัดเลือก คัดสรร และสอบถามทัศนคติ หากไม่ผ่านการพิจารณาก็ให้อยู่สังกัดเดิม และไม่มีการลงโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามกรณีที่ผู้อภิปรายบอกว่า การอภิปรายครั้งนี้เป็นเรื่องที่อันตรายที่สุดในชีวิต ว่า
ที่พูดว่า 3 เดือนข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ แบบนี้ผมว่าไม่ใช่ เพราะคนที่ทำความผิดหลายคดี ไม่ได้พูดแบบนี้ มันอยู่ที่การกระทำ
พร้อมถามกลับว่า “การพูดวันนี้มีจุดมุ่งหมายอื่นหรือไม่”
ทั้งนี้ได้ให้นโยบายไปแล้วว่า ไม่ว่าทหาร หรือตำรวจ ต้องทำตัวให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ส่วนที่ยังไม่ดีก็ต้องแก้ไขกันไป