วันนี้ (12 มี.ค.2564) เวลา 09.00 น. กระทรวงสาธารณสุขแถลงด่วนกรณีชะลอการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 แอสตราเซเนกา ให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และคณะรัฐมนตรี หลังมีรายงานต่างประเทศมีการประกาศระงับการฉีดวัคซีนดังกล่าว เนื่องจากพบผู้รับวัคซีนเกิดลิ่มเลือดและมีผู้เสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาไปก่อน หลังเมื่อคืนเดนมาร์ก ออสเตรียพบผู้รับวัคซีนมีอาการเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ โดยเดนมาร์กประกาศชะลอการฉีดวัคซีน ทำให้คณะแพทย์และทีมงานการฉีดวัคซีนต้องนำมาพิจารณาการฉีดวัคซีนให้คนไทย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยที่สุดกับประชาชน
ถ้ามีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ไม่จำเป็นต้องเร่งฉีด แม้วัคซีนแอสตราเซเนกาจะมีประสิทธิภาพดี ขณะนี้จึงขอชะลอและรอผลการสืบค้นจากเดนมาร์กและหน่วยงานในยุโรปก่อนว่า อาการที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่
EMA ยังยืนยัน แอสตราซิเนกาปลอดภัย
ด้าน นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ระบุว่า แอสตราเซเนกา ส่งวัคซีน ABB 5300 จำนวน 1 ล้านโดส ให้ 17 ประเทศในสหภาพยุโรป และมีการทยอยฉีด ผลปรากฏว่า เดนมาร์กพบผู้เสียชีวิต 1 คน
ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยหลายคนเกิดลิ่มเลือดขึ้นตามหลอดเลือดต่าง ๆ หลังรับวัคซีน ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่ได้สรุปว่าเกิดขึ้นจากวัคซีนป้องกัน COVID-19 แต่ด้วยกระบวนการด้านความปลอดภัยจะมีการประกาศชะลอการฉีดวัคซีนไปก่อน 2 สัปดาห์เพื่อสืบค้น
ต่อมาไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ ประกาศชะลอการใช้วัคซีน COVID-19 แม้ไม่ได้เกิดลิ่มเลือดในผู้รับวัคซีน แต่ชเพื่อติดตามผล และรอการสืบค้น ขณะที่เมื่อวาน european medicines agency (EMA) ออกประกาศว่า ไม่ได้เป็นองค์กรที่ประกาศให้หยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา ยังยืนยันวัคซีนนี้ปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีประเทศอื่น ๆ ประกาศชะลอการใช้ทั้งออสเตรีย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก ลัตเวีย ซึ่งทุกประเทศได้รับวัคซีนชนิด ABB 5300 ทั้งหมด ซึ่งไทยไม่ได้ใช้ชนิดนี้ โดยทั้งหมดรอผลสืบค้นอีกครั้งจาก EMA
เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น EMA จะไปประเมินอุบัติการณ์คนเกิดลิ่มเลือดสำหรับกลุ่มคนรับวัคซีนและกลุ่มคนทั่วไป แต่เพื่อความปลอดภัย ทันทีที่เกิดแบบนี้ ไม่ใช่เฉพาะวัคซีน COVID-19 ยาใดก็ตาม หากมีรายงานจะชะลอการใช้ก่อนเมื่อข้อมูลพร้อมจะกลับมาใช้อีกครั้ง
ยังไม่พบประวัติวัคซีนทำให้เลือดแข็งตัว
ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ หัวหน้าสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่า ข่าววัคซีนมีผลไม่พึ่งประสงค์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากวัคซีน COVID-19 เป็นวัคซีนใหม่ ยิ่งใช้มากก็จะมีรายงานเข้ามา โดยเฉพาะในประเทศที่มีความเข้มข้นในการรายงาน ล่าสุด กรณีพบโรคระบบแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ขณะนี้ฉีดไปแล้ว 30 ล้านโดส
หากมีเหตุการณ์ใดที่ใกล้เคียงกับอาการไม่พึงประสงค์ของการฉีดวัคซีน ต้องสืบสวนสอบสวนก่อนเพื่อให้เกิดความมั่นใจ และไทยกำลังเริ่มใช้วัคซีนจึงต้องระมัดระวังในการใช้ โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงวัย และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีน
คณะผู้เชี่ยวชาญฟังเหตุการณ์แล้ว คาดว่าไม่น่าเกี่ยวกับวัคซีน เพราะการเกิดภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติไม่เคยเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนใด ๆ บนโลกมาก่อน แต่เมื่อกังวลใจจึงต้องสืบสวน แต่กลุ่มนักวิชาการ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน! เลื่อนฉีดวัคซีน COVID-19 "แอสตราเซเนกา" ให้ นายกฯ-ครม.
"หมอยง" ไขปมการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำ หลังฉีดวัคซีน
สหภาพยุโรปยันไม่พบหลักฐาน "แอสตราเซเนกา" ทำให้เกิดลิ่มเลือด