วันนี้ (29 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายปกครอง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมประชุมหารือกับฝ่ายความมั่นคง หลังสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารเมียนมา กับ กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ทำให้มีผู้อพยพภัยสงคราม ข้ามแม่น้ำสาละวินเข้ามาอยู่อาศัยในฝั่งไทยเมื่อวานนี้ บริเวณห้วยแม่สะเกอะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง
ผู้อพยพข้ามฝั่งมาไทยแล้วเกือบ 3,000 คน
ขณะนี้ผู้อพยพภัยสงครามข้ามมาฝั่งไทยแล้ว เกือบ 3,000 คน โดยใช้จุดพักอาศัย 3 จุด ใน ต.แม่คง ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยได้ให้การดูแล ส่วนทางด้านการป้องกันเรื่อง COVID-19 ทางเจ้าหน้าที่ได้จำกัดให้อยู่แต่บริเวณที่กำหนดป้องกันการเคลื่อนย้าย ขณะที่บริเวณโดยรอบไม่มีประชาชนอาศัยอยู่
ผู้ประสานงานกลุ่มผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ผู้อพยพขาดแคลนอาหาร รวมทั้งยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ เพราะผู้ลี้ภัยมา มีเด็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ จำนวนมาก และบางคนไม่สบาย ซึ่งส่วนเวชภัณฑ์ เบื้องต้นได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากโรงพยาบาลแล้ว
นักวิชาการคาดว่าเหตุการณ์ยุติใน 4-5 วัน
ขณะที่ ผศ.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร หัวหน้าโครงการศึกษาความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นอีก 4-5 วัน จึงน่าจะยุติ
หากทหาร KNU กองพลน้อยที่ 5 ไม่ทำการโจมตีทหารเมียนมาเพิ่มเติม เนื่องจากการปฏิบัติการโดยใช้เครื่องบิน เป็นสิ่งที่เปลืองทรัพยากรเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน พื้นที่ของกองกำลังกะเหรี่ยงก็เข้าโจมตีภาคพื้นดินยาก จึงคาดว่าอีกไม่นานสถานการณ์ก็จะกลับมาเป็นปกติ
เตรียมช่วยเหลือผู้อพยพตามแนวชายแดน
ล่าสุด จ.แม่ฮ่องสอน มีคำสั่งให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.สบเมย และ ต.แม่สามแลบ ให้รายงานสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนแม่น้ำสาละวินทุกวัน พร้อมเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข
โดยเฉพาะการป้องกันและควบคุมโรค และให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่งเตรียมให้การสนับสนุนกรณีมีการอพยพเข้ามาในฝั่งไทยและเกินกำลังของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
พท.ตั้งคำถามท่าทีรัฐบาลไทยเหมาะสมหรือไม่
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไทยส่งผู้แทนเข้าร่วมพิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพเมียนมา ขณะที่กองกำลังความมั่นคงเมียนมาปราบปรามผู้ประท้วงในหลายเมืองว่านำมาซึ่งการถูกตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
และการที่ให้ รมว.ต่างประเทศของเมียนมา เข้าพบก็ทำให้รัฐบาลถูกวิจารณ์เรื่องการวางท่าทีต่อเมียนมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนว่ามีความเหมาะสมหรือไม่
KNU ประณามไทยส่งเสบียงให้ทหารเมียนมา
ขณะที่ฝ่ายกะเหรี่ยง KNU ออกมาประณามรัฐบาลไทยว่า มีการแอบส่งเสบียงอาหารให้ทหารเมียนมา จนถูกมองว่าเป็นการสนับสนุนฝ่ายเผด็จการเมียนมา หากเป็นเช่นนั้นเศรษฐกิจไทยจะวิกฤตหนักไม่มีความหวังฟื้นตัว เพราะอาจถูกกดดันจากทั่วโลก และจะเลวร้ายหนักขึ้นไปอีก
ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า ขอให้พรรคเพื่อไทยระวัง การแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่ อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากสถานการณ์ภายในของประเทศเพื่อนบ้าน
กต.เตรียมแผนอพยพคนไทยออกจากเมียนมา
ขณะที่นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ ในการประกาศเตือนชาวไทยในเมียนมาที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในเมียนมาว่า กระทรวงการต่างประเทศได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องและคำนึงถึงสวัสดิภาพของคนไทยในเมียนมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ทางการเมืองในเมียนมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564
โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ติดต่อสอบถามสถานการณ์และความเป็นอยู่กับชุมชนไทยในเมียนมา และประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำให้คนไทย ระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการชุมนุม
ประเมินสถานการณ์ทุกวัน - ซักซ้อมแผนอพยพ
สำหรับเรื่องแผนการอพยพคนไทยออกจากเมียนมานั้น สถานเอกอัครราชทูตมีการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมช่วยเหลืออพยพคนไทยไว้อยู่แล้วและมีการประเมินสถานการณ์ทุกวัน โดยสถานทูตร่วมกับทีมไทยแลนด์กรุงย่างกุ้งมีการประชุมหารือสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการปรับปรุงซักซ้อมแผนการอพยพคนไทยมาโดยตลอดให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
และจากการประเมินสถานการณ์ในเมียนมาในขณะนี้ยังไม่ถึงระดับที่ต้องเตือนให้มีการอพยพกลับไทย อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยกระดับขึ้นอีก ฝ่ายไทยก็ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้วในทุกขั้นตอน ทั้งนี้ ยังไม่มีประเทศใดที่มีการแจ้ง หรือขอให้อพยพคนชาติตนเองทั้งหมดกลับประเทศแต่อย่างใด
คนไทยกลับประเทศจากเหตุโควิดกว่า 2,400 คน
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้งได้อำนวยความสะดวกให้คนไทยเดินทางกลับประเทศแล้วกว่า 2,400 คน ทั้งทางบกและทางอากาศ
โดยขณะนี้ยังมีคนไทยที่อยู่ในเมียนมา ตามฐานข้อมูลของสถานเอกอัครราชทูตจำนวน 704 คน โดยเป็นคนไทยที่อยู่ในกรุงย่างกุ้ง 448 คน และในเมืองอื่นๆ นอกกรุงย่างกุ้งอีก 257 คน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีคนไทยในเมียนมาได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ทางการเมือง