วันนี้ (31 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สั่งการให้กองทัพเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา หรือหากจำเป็นต้องอพยพคนไทยก็ต้องทำทันที เบื้องต้นกองทัพอากาศได้ฝึกซ้อมแผนอพยพคนไทยในเมียนมาแล้ว พร้อมเตรียมเครื่องบิน C-130 ที่ประจำการอยู่ในกองทัพ 8 เครื่อง เดินทางรับคนไทยทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง
ขณะที่ผู้ช่วยทูตทหารไทยประจำนครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ได้รายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ โดยชี้ว่าจากการประเมินสถานการณ์ความรุนแรงในนครย่างกุ้ง ยังไม่น่าวิตกกังวล เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านกองทัพเมียนมาไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน อีกทั้งคนไทยในนครย่างกุ้ง 700-800 คน ยังไม่ได้แจ้งความประสงค์ที่จะขอเดินทางกลับประเทศไทย
ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงชี้ว่า สถานการณ์ในเมียนมาจะยังคงระดับความรุนแรงต่อเนื่อง เหตุเพราะกลุ่มสนับสนุน "ออง ซาน ซูจี" ยังไม่ยอมหยุดการเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันกลุ่มชาติตะวันตกก็พยายามเข้าแทรกแซงผ่านกลไกด้านการทูต รวมถึงแรงกดดันจากเวทีสหประชาชาติ
สำหรับรัฐบาลไทย นอกจากจะต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับชาวเมียนมาที่จะหนีภัยเข้ามาในประเทศไทยแล้ว แต่รัฐบาลอาจต้องวางจุดยืนถึงความชัดเจนกับสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมาด้วย เพราะหากไม่ชัดเจน ไทยอาจจะได้รับผลกระทบทั้งจากแรงกดันจากกลุ่มชาติตะวันตก หรือกลุ่มประเทศในอาเซียน
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตเจ้ากรมกิจการชายแดน กองบัญชาการกองทัพไทย สะท้อนภาพผู้หนีภัยจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาว่ามีอยู่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มผู้หนีภัยที่ทยอยเข้ามาตั้งแต่ปี 2527 อยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว 9 แห่งใน 4 จังหวัดตามแนวชายแดน และกลุ่มที่หนีการสู้รบเข้ามาใหม่ตามชายแดนในขณะนี้
กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ไม่ได้ต้องการลี้ภัยออกจากที่อยู่อาศัยเดิม แต่เนื่องจากสถานการณ์สู้รบที่ไม่ปลอดภัยจึงจำเป็นต้องหนีเข้ามาและไทยเองก็ต้องดูแลตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งรัฐบาลและกองทัพเดินมาถูกทางแล้ว พร้อมหวังว่าวิกฤตในเมียนมาจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ท่าทีไทยต่อปัญหาผู้หนีภัยจากการสู้รบชายแดนตะวันตก
กต.ปัดผลักดันผู้หนีภัยสู้รบข้ามเข้าฝั่งไทยกลับเมียนมา
ทส.สั่งรับมือผู้ลี้ภัยอพยพเข้าป่าสาละวินเกือบ 2,000 คน