วันนี้ (7 พ.ค.2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ภาคเอกชน จะร่วมฉีดวัคซีนในประชากรวัยแรงงานจำนวน 16 ล้านคน โดยมีสํานักงานประกันสังคม และจังหวัด รวบรวมรายชื่อแรงงานที่จะรับวัคซีน รวมทั้ง จะมีการเพิ่มจุดฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาลของรัฐ ในกทม. 82 แห่ง ต่างจังหวัดอีกประมาณ 300 แห่ง และในอนาคตจะมีรถเคลื่อนที่
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบแนวทางฉีดวัคซีนของซิโนแวคให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากผลการศึกษาของประเทศจีน มีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว จากนี้จะส่งเรื่องให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป จึงจะดำเนินการฉีดในกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปได้
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีการเปรียบเทียบปรับกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเวลาออกนอกเคหสถาน โดยจะจะอนุโลม ยกเว้น และลดค่าปรับตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่า การฉีดวัคซีนในกลุ่มวัยแรงงาน จะทำคู่ขนานกับผู้สูงอายุ เนื่องจากขณะนี้พบการลงทะเบียนฉีดวัคซีนในหมอพร้อมจำนวนไม่มาก คาดว่าจะเริ่มฉีดในเดือน มิ.ย.นี้ โดยจะให้ผู้ประกอบการรวมกลุ่มนัดหมาย จากนั้นกำหนดวันฉีดส่งเรื่องมายังประกันสังคมเพื่อประสานกระทรวงสาธาณสุข
ส่วนเรื่องค่าปรับหารือการคร่าวๆ จะแบ่งเป็นการกระทำผิดครั้งแรกปรับไม่เกิน 1,000 บาท หากมีการกระทำผิดซ้ำจะปรับตั้งแต่ 1,000 บาทแต่ไม่เกิน 10,000 บาท และถ้ายังมีการกระทำผิดอีกก็จะปรับในหลักหมื่นแต่ไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งต้องหารือเพื่อวางโครงร่างที่ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้การจับปรับไม่ได้หวังเงินทองของประชาชน แต่เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงสถานการณ์และให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจ