วันนี้ (12 พ.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจชุดปฏิบัติการกองบังคับการปราบปราม พร้อมตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกันตรวจยึดรถยนต์ได้ที่บริเวณ ม.8 ต.เกาะพงัน อ เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมตรวจค้นรีสอร์ทแห่หงนึ่ง ที่ ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ใน ม.1 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดเกาะสมุย ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายกลุ่มผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนายโกศล เรืองดุก หรือตุ้ม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมนายทิวากร 1 ใน 7 ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ร่วมก่อเหตุได้ที่บ้านพัก ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุอีก 6 คน ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนติดตาม
พ.ต.ท.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น รอง ผกก.5 บก.ป. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2564 นางจินดาหรา ภรรยาของผู้เสียชีวิต มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2564 เวลาประมาณ 22.00 น. นายโกศลได้ออกจากบ้านไปดื่มสุราที่ศาลาหน้าบ้านเลขที่ 89 หมู่ 5 ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ต่อมาเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 3 พ.ค.2564 ไม่สามารถติดต่อนายโกศลได้ จึงได้เดินทางไปหานายโกศลที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ไม่พบผู้ใด พบเพียงรอยเลือดเท่านั้น จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยา ให้ช่วยติดตามหาสามี
ตำรวจท้องที่ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการวางเเผนร่วมกันฆ่านายโกศล และร่วมกันลักเอาสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือทองคำและโทรศัพท์ไปด้วย จากนั้นได้ร่วมกันนำศพนายโกศลไปฝัง ซึ่งต่อมายังได้ขุดเอาศพขึ้นมาเพื่อนำไปถ่วงทิ้งทะเลอำพรางคดีและซ่อนเร้นศพ ซึ่งการสืลบสวนเชิงลึกพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุร่วมกันก่อเหตุทั้งหมดนี้ภายในวันเดียว ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุดังกล่าวได้ทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย นายสุรัตน์ (สงวนนามสกุล) นายคำธร หรือแน็ค (สงวนนามสกุล) นายสุรชัย หรือตาชัย (สงวนนามสกุล) นายเกรียงไกร หรือเป็ด หรือเพชร (สงวนนามสกุล) นายเจริญ หรือพร (สงวนนามสกุล) นายจิรายุทธ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) นายทิวากร หรือบี (สงวนนามสกุล)
ทั้งนี้ ตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุอันควรและจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย