วันนี้ (21 พ.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์โรค COVID-19 ระลอกใหม่ ที่พบผู้ติดเชื้อรายวันยังเพิ่มขึ้น ขณะที่การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทยพบว่าตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-19 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการฉีดวัคซีนไป 2,540,116 โดส แบ่งเข็มที่ 1 จำนวน 1,647,871 คน และเข็มที่ 2 จำนวน 892,245 คน
ขณะที่ความต้องการฉีดวัคซีนที่มีการเปิดให้กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวจำนวน 16 ล้านคนได้เป็นกลุ่มแรกในการลงทะเบียนจองขึ้นทะเบียนผ่านหมอพร้อม การฉีดวัคซีน 7,521,616 คน แบ่งเป็น กทม.834,692 คน และต่างจังหวัด 6,686,924 คน
หมอจะไม่ทน ขอรัฐบาลนำเข้าวัคซีนทางเลือก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มหมอไม่ทน เปิดแคมเปญล่ารายชื่อประชาชนผ่านเว็บไซต์ Change.org เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม และรัฐบาล หยุดการเตะถ่วงวัคซีนทางเลือก ก่อนที่สายพันธุ์อินเดียจะระบาด ซึ่งล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (21 พ.ค.) มีผู้ร่วมลงรายชื่อในแคมเปญแล้ว 19,414 คน โดยเนื้อหาการณรงค์ ระบุว่า
ผ่านมาครึ่งปี นับตั้งแต่เริ่มใช้วัคซีน COVID-19 ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มให้แก่ประชาชนเพียง 1-2% ของประชากรไทยทั้งหมด
โดยวัคซีนที่ได้รับรองมีเพียงวัคซีนของซิโนแวค และแอสตราเซเนกา โดยจำนวนวัคซีนที่จองมาทั้งหมดของรัฐบาลนั้น ยังไม่เพียงพอเพื่อลดการระบาดของโรค และสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตแก่ประชาชน
มีการเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดช่องทางการนำเข้าวัคซีนทางเลือกผ่านโรงพยาบาลเอกชน เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าจากการจัดการของรัฐบาล ภาครัฐกลับตอบรับโดยการให้ทางเอกชนซื้อวัคซีนผ่านทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ทำให้ประชาชนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง (ทั้งๆที่ไม่ควร) รวมถึงอาจจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
อีกทั้งยังไม่มีความแน่ชัดทั้งราคาและปริมาณที่จะนำเข้า ที่สำคัญที่สุดคือไม่มีคำตอบชัดเจนถึงเหตุผลว่าทำไมวัคซีนทางเลือกจะนำเข้าได้เร็วที่สุดในเดือนตุลาคม โดยยังเป็นกำหนดที่ไม่แน่นอนและช้าเกินไป สวนทางกับจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น และเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล ที่กำลังจะถึงขีดจำกัดในการดูแลผู้ป่วยแล้วทั้งสิ้น จนถึงจุดวิกฤตที่สาธารณสุขไทยใกล้ล่มสลายแล้ว
หมอไม่ทน ขอยืนยันว่า ประชาชนทุกคนควรได้รับวัคซีนเร็วที่สุดไม่ว่าเป็นชนิดใดก็ตาม เพื่อลดอาการติดเชื้อรุนแรงและการเสียชีวิต และประชาชนต้องมีสิทธิและเสรีภาพ ในการเลือกวัคซีนที่ดีที่สุดให้กับตนเองเช่นเดียวกัน
รัฐบาลต้องรีบเปิดเผยข้อมูลให้แก่ประชาชนเรื่องการจัดซื้อวัคซีน ทำให้เป็นเรื่องโปร่งใส และเร่งเปิดทางวัคซีนทางเลือกอื่นนอกเหนือจากซิโนแวค และแอสตราเซเนกา ให้ประชาชนได้เลือก เพื่อใช้ในกรณีที่ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น ภูมิซ้ำเข็มที่ 3 และ 4 ในอนาคต หรือเตรียมตัวในกรณีที่วัคซีนที่ฉีดไปแล้ว ไม่สามารถป้องกันประชาชนจากเชื้อสาย พันธุ์ใหม่ๆ ได้ นอกจากนี้ เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ ควบคุมวิกฤตขณะนี้
ทุกวันที่ล่าช้า มีคนตายมากขึ้น รัฐบาลต้องมีคำตอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ว่าเหตุผลที่เขาได้รับวัคซีนล่าช้าคืออะไร
หมอไม่ทน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อกวัคซีนทุกยี่ห้อที่สามารถติดต่อได้ทันที ยกเลิกการควบคุมอำนาจบริหารจัดการไว้ตามลำพัง ก่อนที่จะสายเกินไป
อภ.แจงไทม์ไลน์วัคซีนส่งถึงไทย 6 ล้านโดส
จากตัวเลขที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) รายงานไทม์ไลน์วัคซีน COVID-19 ของซิโนแวคที่นำเข้าในไทยแล้วจำนวน 6 ล้านโดส รวมทั้งหมด 8 ล็อต ครั้งล่าสุดเมื่อ 20 พ.ค.ที่ผ่านมามา จำนวน 1.5 ล้านโดส และจะนำเข้าอีกครั้งวันที่ 3 มิ.ย.นี้ จำนวน 3 ล้านโดส
- 24 ก.พ.64 ล็อตที่ 1 จำนวน 200,000 โดส
- 20 มี.ค.64 ล็อตที่ 2 จำนวน 800,000 โดส
- 10 เม.ย.64 ล็อตที่ 3 จำนวน 1 ล้านโดส
- 24 เม.ย.64 ล็อตที่ 4 จำนวน 500,000 โดส
- 6 พ.ค.64 ล็อตที่ 5 จำนวน 1 ล้านโดส
- 14 พ.ค.64 ล็อตที่ 6 (ได้รับบริจาคจากประเทศจีน) จำนวน 500,000 โดส
- 15 พ.ค.64 ล็อตที่ 7 จำนวน 500,000 โดส
- 20 พ.ค.64 ล็อตที่ 8 จำนวน 1.5 ล้านโดส
- 3 มิ.ย.64 ล็อตที่ 9 จำนวน 3 ล้านโดส
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค.เผยไทยพบโควิดเพิ่ม 3,481 เสียชีวิต 32 หายป่วย 2,868 คน
สธ.เผย WHO เห็นว่า ฉีควัคซีนแอสตราเซเนกาเกินกว่า 10 คน/ขวด ทำได้