เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2564 ร้านอาหารเก่าแก่ย่านสามเสนใน เขตพญาไท ต้องปรับตัวมาขายอาหารกล่องเพื่อประคองธุรกิจ แม้รัฐจะมีมาตรการผ่อนคลายให้นั่งกินในร้านได้ไม่เกินร้อยละ 25 และไม่เกิน 3 ทุ่ม แต่รายได้ยังไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ จึงต้องขายอาหารกล่องเพื่อเพิ่มรายได้
นายวีรพันธ์ ทับสุวรรณ ผู้บริหารร้านอาหาร ระบุว่า การผ่อนคลายมาตรการ ยังไม่ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการ เพราะยังมีความความลังเลใจ เนื่องจากมาแล้วเข้าใจว่านั่ง 1 คน 1โต้ะ แต่หากมาเป็นครอบครัวก็สามารถนั่งด้วยกันได้ ซึ่งภายในร้านมีการจัดที่นั่งเว้นระยะ
รายได้ขณะนี้อยู่ที่เพียงร้อยละ 10 จากรายได้เดิมก่อน COVID-19 ที่เคยขายได้วันละ 300,000 บาท เหลือไม่ถึงวันละ 30,000 บาท ทำให้ต้องพักการจ้างงานลูกจ้างที่มีอยู่กว่า 40 คน เหลือไม่ถึง 20 คน
ขณะที่นางมณี ครุฑป่า เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ ระบุว่า มาตรการผ่อนคลายให้นั่งกินอาหารในร้านร้อยละ 25 ของพื้นที่ ช่วยให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่รายได้นั้นกลับมาได้เพียงครึ่งเดียว เพราะถูกจำกัดด้วยพื้นที่
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ระบุว่า หลังจากที่ ศบค.ผ่อนผันให้ร้านอาหารในพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด สามารถนั่งกินอาหารในร้านได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของพื้นที่ ซึ่งมาตรการนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 พ.ค.นี้ สมาคมภัตตาคารไทย เตรียมหารือกรมอนามัย เพื่อขอให้ ศบค.ผ่อนผันให้ร้านอาหารสามารถนั่งกินในร้านได้ร้อยละ 50-75 ของพื้นที่
สำหรับร้านอาหารที่มีมาตรฐานด้านสาธารณสุขสูง หรือ SHA ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานภาคสมัครใจสำหรับผู้ประกอบการ หรือข้อกำหนดเบื้องต้นที่สถานประกอบการพึงมี เพื่อป้องกัน COVID-19 รวมทั้งร้านที่ผ่านมาตรฐาน Thai Stop Covid Plus กว่า 20,000 ร้าน
นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐเร่งจัดสรรวัคซีนฉีดให้กับบุคลากรร้านอาหาร ลูกจ้าง เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID-19 การพักชำระดอกเบี้ยรวมไปถึงการช่วยเหลือเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
เนื่องจากขณะนี้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับร้านอาหารยาก เพราะไม่มั่นใจเรื่องรายได้ของผู้ประกอบการ เพราะยังมีการระบาดของ COVID-19
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค.เล็งคลายล็อกร้านอาหาร จว.สีแดง นั่งได้ 25% ไม่เกิน 3 ทุ่ม
เสนอรัฐตั้งกองทุนช่วยเหลือร้านอาหาร
ร้านอาหารพื้นที่สีแดงเข้มปรับตัว หลังห้ามรับประทานอาหารที่ร้าน