วันนี้ (7 ก.ค.2564) ความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว 21 จ.สมุทรปราการ ซึ่งแม้จะผ่านมา 3 วันยังคงพบไฟปะทุขึ้นมา
ล่าสุดเวลา 09.00 น. นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญอุบัติภัยสารเคมี หารือถึงการปรับวิธีเข้าไฟในโรงงานหมิงตี้
นายสุเมธา วิเชียรเพชร ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติภัยสารเคมี ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า จากเหตุการณ์ที่ไฟเกิดการปะทุรุนแรง เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (6 ก.ค.) บ่งชี้ให้เห็นว่า พื้นที่ของโรงงานหมิงตี้ ยังไม่ปลอดภัย สาเหตุที่ทำให้เกิดระเบิดและปะทุขึ้นมา เนื่องจากยังมีของเหลวค้างท่อส่งสารสไตรีน ที่ต่อไว้ใต้ดิน
ถึงจะมีการปิดวาล์วถังสารสไตรีน และมีการฉีดโฟมดับเพลิงไว้แล้ว แต่จากสภาพอากาศที่ร้อน และสันนิษฐานว่าโครงสร้างเหล็กยังยังร้อนอยู่ ทำให้โฟมดับเพลิงแตกและเกิดแรงดันปะทุขึ้นมา จนระเบิดซ้ำ เพราะยังมีสารเคมีค้างท่อ
อ่านข่าวเพิ่ม รัศมี 1 กม. "สไตรีน" ค่าความเข้มข้นยังสูง -ประเมินสิ่งแวดล้อม 3 วัน
ส่งชุดกู้ภัยสารเคมีเข้าสแกนพื้นที่อย่างละเอียด
นายสุเมธากล่าวว่า สิ่งที่จะเสนอกับทางผู้ว่าฯ สมุทรปราการ คือต้องส่งทีมอุบัติภัยจากสารเคมี ซึ่งจะเชิญผู้เชี่ยวชาญ จากบริษัท ปตท.และบริษัท ดาว เคมิคอล ที่มีประสบการณ์ในการเผชิญเหตุด้านอุบัติภัยสารเคมี เข้าไปสำรวจทุกจุดอย่างละเอียดในพื้นที่ตั้งของโรงงาน เรียกว่าต้องประเมินความเสี่ยงออกมาให้จบ และจะได้เข้าเคลียร์สารเคมีที่ตกค้างให้จบโดยเร็ว
จากการประเมินแผนจะส่งชุดอุบัติภัย 1-2 ชุด เพื่อเข้าตรวจวัดก๊าซ อุณหภูมิความร้อน และผังของโรงงานจุดที่ตั้งสารเคมี สแกนทุกจุดอย่างละเอียด เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีสารสไตรีนที่ทางโรงงานระบุว่า มี 1.6 พันตัน ตกค้างอีกเท่าไหร่ โดยต้องทำงานร่วมกับทีมกู้ภัย และนักดับเพลิงที่ต้องคอยฉีดพ่นน้ำอย่างใกล้ชิด
ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติภัยสารเคมี กล่าวอีกว่า การประเมินความสี่ยงครั้งนี้จะทำให้ทางจังหวัด สามารถนำไปแจ้งเตือนกับชาวบ้านที่ต้องอพยพจากพื้นที่ในรัศมี 1-5 กิโลเมตรได้ว่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้หรือไม่
นอกจากนี้จะพิจารณา นำสารเคมีอีกตัวคือ "สารออแกนิคเปอร์ออกไซค์" มาฉีดพ่นในบ่อสารเคมี สไตรลีน ที่ตกค้างอยู่ในโรงงาน เพื่อแก้ปัญหาไฟปะทุ แทนการใช้น้ำยาโฟม ซึ่งจะมีการการประสานให้บริษัทเอกชนเข้ามาร่วมหาวิธีด้วย
ส่วนบรรยากาศที่โรงงานหมิงตี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังตรึงกำลัง และยังฉีดโฟมปูพรมดับเพลิง คลุมพื้นที่เสี่ยงที่อาจจะเกิดไฟปะทุซ้ำอีกครั้ง มีรายงานว่าในพื้นที่ซอยกิ่งแก้วยังมีกลิ่นสารเคมีรุนแรง
ทั้งนี้ ด้านตำรวจสภ.บางแก้ว นำเชือกเข้ามากั้นพื้นที่เกิดเหตุ และมีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ควบคุมเด็ดขาดเว้นได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
เสนอใช้มาตรการภาษีให้โรงงานย้ายออกจากพื้นที่ชุมชน
ด้านภาคเอกชนโดยสภาอุตสาหกรรม เห็นปัญหาโรงงานอยู่ติดกับชุมชนที่เสี่ยงต่อมลพิษ และอันตรายที่เกิดขึ้น จึงเสนอและสนับสนุน ให้ย้ายโรงงานออกจากพื้นที่ชุมชนไปอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม
ด้วยการที่รัฐออกมาตรการที่สร้างแรงจูงใจ เช่น ยกเว้นค่าธรรมเนียมภาษีที่ดิน 2 % การยกเว้นภาษีที่เกิดจากการขายที่ดิน และการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อให้โรงงานมีเงินทุนเหลือเพียงพอ ในการเข้าไปซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม และสร้างโรงงาน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“วราวุธ” ระบุ รง.ตั้งก่อนมีอีไอเอ คพ.เร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-น้ำ
ตรวจกลุ่มเสี่ยงรับควันพิษ "สไตรีนโมโนเมอร์" 6-7 ก.ค.นี้
เช็กสต็อก"สไตรีนโมโนเมอร์" 1.6 พันตันเหตุโรงงานระเบิด