สถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดรุนแรงในไทยทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการประกาศเตือนการเดินทางมา เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อิสราเอล และอีกหลายประเทศ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่าส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่รัฐบาลยืนยันเดินหน้าตามแผนเปิดประเทศ 120 วันตามเดิมเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ โดยหลังจากเดินหน้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัสไปแล้วก็จะขยายไปยังจังหวัดอื่นต่อไป
พยายามเดินตามแผนก็คือ เดินหน้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ต่อไปและใช้ภูเก็ตเป็นฮับ โดยกระจายนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น สมุย เข้าไปในกระบี่ เข้าไปในพังงา อันนี้คือขั้นแรกที่เรากำลังจะทำและจะเกิดในวันที่ 22 ส.ค.นี้ จากนั้นในเดือน ต.ค.นี้จะเปิดใน 10 จังหวัด เพราะถึงขณะนั้น จ.เหล่านั้นคาดว่าจะได้รับวัคซีนแล้วร้อยละ 70
นายพิพัฒน์ ระบุว่า หากภายใน 1-2 เดือนนี้หากไทยสามารถควบคุมการระบาดได้เชื่อว่าต่างชาติจะมีการปรับสีการแจ้งเตือน และจะทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาในช่วงไฮซีซั่น ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่เพียง 1 ล้านคนต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ 3 ล้านคน
นางมาริสา โกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย ระบุว่า แม้รัฐจะยืนยันเดินหน้าตามแผนเปิดประเทศ แต่ภาคเอกชนยังคงมีความกังวลจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และเห็นว่ารัฐต้องเตรียมแผนรองรับหากไม่สามารถเปิดประเทศได้เพื่อประคองการท่องเที่ยวในประเทศ
อย่างน้อยที่สุดเราขอให้มีการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วยประคองไปก่อน และขอให้ภาครัฐผลักดันให้มีการประชุมของภาครัฐให้มากที่สุด ในทุกภาคส่วนของประเทศ
นางมาริสา ระบุว่า ธุรกิจโรงแรมปิดถาวรไปแล้วร้อย 10-20 และปิดชั่วคราว 50 เพราะไม่มีรายได้ ขาดสภาพคล่องและจากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม 304 แห่ง เดือน ก.ค.2564 จัดทำโดยสมาคมโรงแรมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า ผู้ประกอบการเกือบร้อยละ 60 ของที่เปิดกิจการอยู่มีสภาพคล่องลดลง และส่วนใหญ่เหลือสภาพคล่องสูงสุด 3 เดือน ในจำนวนนี้ร้อยละ 20 เหลือสภาพคล่องไม่เกิน 1 เดือน