ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

น้องชาย "หมอแอ้ม" โพสต์สูญเสีย 3 ชีวิตในครอบครัวจากโควิด

สังคม
13 ส.ค. 64
13:00
3,871
Logo Thai PBS
น้องชาย "หมอแอ้ม" โพสต์สูญเสีย 3 ชีวิตในครอบครัวจากโควิด
นพ.สิทธิพงศ์ ฬาพานิช น้องชาย "หมอแอ้ม" แพทย์ด่านหน้า รพ.ภูมิพลฯ โพสต์สูญเสีย 3 คนในครอบครัว จาก COVID-19 พร้อมเรียกร้องแก้กฎเกณฑ์ให้สมาคมฯ หรือ รพ.เอกชน นำเข้าวัคซีนเองได้ โดยเฉพาะชนิด mRNA และโปรตีนซับยูนิต

จากกรณี พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย นาวาอากาศเอกหญิง แพทย์หญิงสรัญยา ฬาพานิช หรือ "หมอแอ้ม" บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช หลังติดเชื้อ COVID-19

วันที่ 12 ส.ค.2564 นพ.สิทธิพงศ์ ฬาพานิช หรือหมอเตี๋ยว น้องชายของหมอแอ้ม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "เคสพี่สาวผม (นาวาอากาศเอกหญิง แพทย์หญิงสรัญยา ฬาพานิช) เป็นเเพทย์ที่เเม้จะฉีดวัคซีนไปแล้วก็ยังติดเชื้อโควิดและเสียชีวิต"

นพ.สิทธิพงศ์ ระบุว่า ในครอบครัวมีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 แล้ว 3 คน ได้แก่ แม่เสียชีวตเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2564 ต่อมาพ่อเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2564 และพี่สาว (หมอแอ้ม) เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 ส.ค.2564

ผมคิดว่าผมมีสิทธิที่จะพูดความรู้สึก และความต้องการที่เห็นสถานการณ์โควิดในประเทศปัจจุบันนี้ ผมเองไม่อยากจะโทษวัคซีนใด ๆ ว่าดีหรือไม่ดี เพราะหลายยี่ห้อฉีดครบก็มีเสียชีวิตครับ

ทั้งนี้ เสนอว่าโดยหลักทางวิชาการที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก วัคซีนชนิด mRNA หรือชนิดโปรตีนซับยูนิต น่าจะเป็นคำตอบที่ดีในเบื้องต้น และเเม้ว่าวัคซีนที่จะครอบคลุมเชื้อ COVID-19 ทุกสายพันธุ์ น่าจะเป็นล็อตของปีหน้า แต่เรารอไม่ได้ ต้องมีวัคซีนที่มาตรฐานจำนวนมากกว่าที่มีในขณะนี้

นพ.สิทธิพงศ์ ระบุว่า ปัญหาของไทยคือ "กฎที่ออกว่า ใครจะซื้อต้องผ่านหน่วยงานรัฐ" แม้ไม่มั่นใจในเรื่องกฎหมาย แต่คิดว่าหากสามารถออกกฎ เช่นเดียวกับที่ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นำเข้าวัคซีนได้ ก็น่าให้โรงพยาบาลเอกชน หรือ องค์กรเอกชนนำเข้าได้ เพื่อนำเข้าวัคซีนซึ่งเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ในทุก ๆ ช่องทาง โดยไม่ต้องอาศัยกฎเกณฑ์ผ่านหน่วยงานรัฐ

"ถ้าไม่เชื่อใจโรงพยาบาลเอกชนที่ใด ก็ผ่านตัวสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ะเป็นสมาคมใหญ่ในระดับที่น่าเชื่อถือได้นะครับ น่าจะอนุโลมให้ใช้ในสถานการณ์ที่คนไทยได้ฉีดวัคซีนเพียง 25% (นี่คือรวมเชื้อตายและ mRNA) ของประชากร เพราะวัคซีนยิ่งเยอะ (โดยเฉพาะ mRNA และ โปรตีนซับยูนิต) มันก็จะยิ่งดีไม่ใช่หรือครับ"


น่าจะถึงเวลาที่ควรแก้บางกฎ เพื่อให้คนไทยได้วัคซีนที่ "มาตรฐาน" จะพอป้องกันตัวเองได้ อย่างน้อยก็พอมองเห็นทางสว่างข้างหน้า เชื่อว่าจะมีบริษัท หรือโรงพยาบาลมากมาย หรือแม้แต่หน่วยงานใด ๆ ที่จะยินดีติดต่อเอง จะช่วยให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว

เราเสียเวลามามากเกินไปแล้วครับ กับคำว่ารอวัคซีนที่มาตรฐาน เปิดโอกาสให้องค์กรต่าง ๆ นำเข้าวัคซีนเองเถอะครับ มีมากดีกว่ามีไม่พอนะครับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง