วันนี้ (16 ส.ค.2564) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงข่าวภายหลัง การประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธาน ดังนี้
ขยายล็อกดาวน์ต่อถึงสิ้นเดือน ส.ค.
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่มีมติให้ทุกพื้นที่คงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรคงมาตรการเดิมต่อไปในวันที่ 18- 31 ส.ค.2564 และเพิ่มมาตรการและการจัดการองค์การ ดังนี้
ให้ดำเนินมาตรการ Test -trace -Isolate อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เพิ่มการรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ATK ใน กทม.และปริมณฑล เตรียมทีม CCRT ให้เพียงพอ และจัดระบบการนำเข้าสู่ HI,CI หรือ โรงพยาบาล
ขณะที่องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ WFH ต่อเนื่อง และให้ตรวจคัดกรอง ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความพร้อมก่อนการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และเตรียม Company Isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน
นอกจากนี้ให้ โรงงาน สถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คน พิจารณา บับเบิล แอนด์ ซีล เต็มรูปแบบ ตลาด (ค้าส่งขนาดใหญ่) ให้คัดกรอง ATK ผู้ค้า แรงงาน ทุกสัปดาห์ และสุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะ
รวมถึง เร่งรัดการฉีดวัคซีน ให้ความครอบคลุมของวัคซีน กลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ และ กลุ่มโรคเสี่ยง) อย่างน้อยร้อยละ 80 ใน กทม.อย่างน้อยร้อยละ 70 ใน 12 จังหวัด และอย่างน้อยร้อยละ 50 ในพื้นที่อื่น
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวว่า การปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น/กิจการจำเป็นในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางการใช้บริการ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ขอเปิดกิจการธนาคาร สถาบันการเงิน โดยมีมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด 26 ข้อ ตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยจัดทำไว้ ส่วนเรื่องโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประชุมรับฟัง แต่เห็นว่ามีทางเลือกสั่งทางออนไลน์ได้
ตั้งเป้า ก.ย.ฉีดวัคซีน 10 ล้านโดส
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงแผนการกระจายวัคซีนว่า แผนการให้วัคซีน COVID-19 ขณะนี้มีจำนวนได้รับวัคซีนสะสม 23,592,227 โดส ทั้งนี้ผลการศึกษาพบว่า ผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 1 และแอสตราเซเนกาเข็มที่ 2 กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ถึง 3,962 มากกว่ากลุ่มซิโนแวค 2 เข็ม และแอสตราฯ 2 เข็ม
ทั้งนี้ ในเดือน ก.ย.มีเป้าหมายการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 10 ล้านโดส โดยเร่งฉีดในกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์
แลกวัคซีน-รับมอบยาจากต่างชาติ
โฆษก ศบค.ยังกล่าวถึงเรื่องการรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศว่า ที่ประชุม ศบค.ได้เห็นชอบหลักการในการแลกวัคซีนแอสตราเซเนกา ระหว่างรัฐบาลภูฏานกับรัฐบาลไทย จำนวน 130,000 - 150,000 โดส (โดยมีจำนวน 19,070 โดส ที่จะหมดอายุ ในเดือน ส.ค.) และส่งคืนในภายหลัง
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการรับมอบยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) ซึ่งเป็นยารักษา COVID-19 ในกลุ่มผู้ป่วยหนัก จากกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี จำนวน 1000, -2,000 ชุด ซึ่งจะช่วยลดผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ถึงร้อยละ 50 -70 โดยทั้ง 2 เรื่องได้รับความเห็นชอบและเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
ไฟเขียว 7+7 ภูเก็ตแซนด์บ็อก เที่ยว จว.ใกล้เคียง
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงมาตรการ ด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ขยายเพิ่มเติมจากมาตรการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อก" โดยที่ประชุม ศบค.อนุมัติแนวทาง "7+7 " ให้นักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จำนวน 7 วัน และอีก 7 วัน สามารถเดินทางไปในพื้นที่ 3 จังหวัดใกล้เคียงได้ คือ จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และ พังงา โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.2564
ทั้งนี้ เส้นทางเชื่อมโยง "ภูเก็ตแซนด์บ็อก"
-ภูเก็ต-เขาหลัก (พังงา)
-ภูเก็ต-เกาะยาวน้อย-เกาะยาวใหญ่ (พังงา)
-ภูเก็ต-เกาะพีพี (กระบี่)
-ภูเก็ต-ไร่เลย์ (ต่อเรือ ณ เกาะพีพี กระบี่)
-ภูเก็ต-เกาะไหง (ต่อเรือ ณ เกาะพีพี กระบี่)
-ภูเก็ต-เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า (สุราษฎร์ธานี)
ทั้งนี้ ททท.ได้จัดทำหลักการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักนักท่องเที่ยว โดยมีมาตรการตั้งแต่ก่อนเดินทางเข้ามาถึง, ก่อนเดินทางออก, เมื่อเดินทางถึง และระหว่างพำนัก
ประชุมสภาฯได้
โฆษก ศบค.ยังกล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ผ่อนผันการจัดประชุมสภาฯ และผ่อนผันการเคลื่อนย้ายในห้วงเวลาการห้ามออกนอกเคหะสถาน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการการควบคุมพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอมาตรการเพื่อทำให้อุตสาหกรรมโรงงานสามารถดำเนินการได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตา ศบค.ขยายล็อกดาวน์-กทม.ติดเชื้อ 4,324 คน
สหรัฐฯ ยืนยันยังบริจาควัคซีนไฟเซอร์ให้ไทยอีก 1 ล้านโดส
ร้านอาหารขอผ่อนผันฉีดวัคซีน 2 เข็ม นั่งกินในร้านได้
ภูเก็ตขยายต่ออีก 14 วัน คุมเข้มเข้า-ออกจังหวัด 17-31 ส.ค.นี้