วันนี้ (30 ส.ค.2564) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ ในการจัดซื้อเรือ LPD มูลค่า 6,200 ล้านบาท มีความไม่โปร่งใส ส่อในทางทุจริต แสวงหาผลประโยชน์จากการซื้ออาวุธ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่มีระบบอาวุธในเรือรบ และไม่ใช่การจัดซื้อแบบจีทูจี หรือรัฐต่อรัฐ
ขณะเดียวกัน ยังอ้างว่ากองทัพเรือไทย ส่งหนังสือไปยังบริษัทแซสตินของจีน เพื่อร้องขอความช่วยเหลือในการติดตั้งระบบอำนวยและอุปกรณ์การรบให้กับเรือ LPD ที่ได้เซ็นสัญญาจัดซื้อจากจีนมา ซึ่งยังไม่มีการตอบรับจากจีนในเรืองนี้ และหากเรื่องหนังสือขออาวุธไม่ใช่เรื่องจริงให้ฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ซึ่งการขออาวุธจากจีนถือเป็นการดำเนินการที่เสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิชองชาติและกองทัพเรือ
ส่วนการใช้งบประมาณของกองทัพเรือปี 2562 ของบฯ สำหรับจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล 3 ลำ 432 ล้านบาท แต่กลับมีการโอนเปลี่ยนแปลงงบฯ จัดหาเรือเอนกประสงค์ฯ LPD ซึ่งอ้างว่าคนทำเรื่องนี้ คือ พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ หรือ บิ๊กโต้ง เชื่อว่าเป็นผู้ทำงบประมาณกองทัพเรือแบบเซียนเหยียบเมฆ ซึ่งคาดว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ด้วย
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลกองทัพเรือ ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะจัดซื้อใช้งบประมาณแผ่นดินซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กองทัพ สวนทางเศรษฐกิจที่ประชาชนอดอยากหิวโหย และไม่มีวัคซีนดีๆ ให้ประชาชน
สำหรับกรณีการแถลงก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 31 ส.ค. -4 ก.ย.นี้ เนื่องจากได้นับการจัดสรรเวลาอภิปรายแล้ว ไม่สามารถอภิปรายทั้งหมดในสภาฯ ได้ จึงนำบางเรื่องมาขยายรายละเอียดให้ประชาชนทราบก่อน แต่การแถลงข่าวนี้ไม่ใช่การเปิดข้อสอบให้กับรัฐบาลตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์
นอกจากนี้ ยังเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ที่มีการติดแฮชแท็ก #prayutgetout ซึ่งจะมีประเด็นเนื้อหาอภิปรายเข้มข้นและมีทีเด็ดมากกว่านี้ โดยไม่ได้มุ่งหวังคะแนนไม่ไว้วางใจว่าใครจะได้มากหรือน้อย แต่ขอให้ดูข้อมูลอภิปรายและให้ประชาชนตัดสิน หากยังมี ส.ส.ยกมือไว้วางใจ เชื่อว่า ส.ส.คนนั้นจะสอบตกสมัยต่อไปแน่นอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"วิรัช" ปฏิเสธเปลี่ยนตัว รมต.พลังประชารัฐ แค่ข่าววิเคราะห์การเมือง