ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ศธ.เผยแผนรับเปิดเทอมฉีดไฟเซอร์ให้ นร.-นศ.ทุกสังกัด 4.5 ล้านคน

สังคม
13 ก.ย. 64
17:49
486
Logo Thai PBS
ศธ.เผยแผนรับเปิดเทอมฉีดไฟเซอร์ให้ นร.-นศ.ทุกสังกัด 4.5 ล้านคน
รมว.ศธ.เผยแผนเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียน ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กทุกสังกัด 4.5 ล้านคน เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มครู และเดินหน้าโครงการโรงเรียน Sandbox Safety Zone in School

วันนี้ (13 ก.ย.2564) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แถลงข่าว “เตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 สถานศึกษาปลอดภัย เด็กได้รับวัคซีนถ้วนหน้า” น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ศธ.เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และถอดบทเรียนจากการจัดการเรียนการสอน 5 รูปแบบ หรือ 5 On ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางการเปิดภาคเรียนให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

จากการหารือร่วมกันระหว่าง ศธ. กับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) เบื้องต้นมีแนวทางในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ดังนี้

1. แผนการฉีดวัคซีน Pfizer 2 เข็ม ให้กับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 12 ปีจนถึง 17 ปี 11 เดือน 29 วันในวันที่ฉีด โดยจะอนุโลมให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มีอายุเกิน 17 ปี 11 เดือน 29 วันด้วย ซึ่งจะครอบคลุมนักเรียนนักศึกษาในระดับชั้น ม.1-6, ปวช., ปวส. หรือเทียบเท่า รวมถึงชั้น ป. 6 ที่มีอายุ 12 ปี ซึ่งจะเริ่มฉีดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัดก่อนในเดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าหมายให้นักเรียนนักศึกษาทุกคนได้รับวัคซีน Pfizer เข็มที่ 1 อย่างครบถ้วน

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ได้อนุมัติในหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียนนักศึกษาทุกสังกัดกว่า 4.5 ล้านคน ทั้ง ศธ. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และกรุงเทพมหานคร

 

2. แผนการดำเนินโครงการโรงเรียน Sandbox Safety Zone in School (SSS) ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับโรงเรียนประจำ เช่น โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนเอกชนที่มีความพร้อม โดย ศธ.จะประสานกับ สธ.ลงพื้นที่ตรวจโรงเรียนที่จะประสงค์เข้าโครงการว่าเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้หรือไม่

สำหรับการเป็นโรงเรียน SSS มีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1. เป็นโรงเรียนประจำ 2. เป็นไปตามความสมัครใจและ 3. ผ่านการประเมินความพร้อม โดยต้องแจ้งความประสงค์ผ่านต้นสังกัด หารือร่วมกับผู้ปกครองและผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดให้มีสถานแยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) จัดให้มี Safety Zone ในโรงเรียน ติดตามประเมินผลโดยทีมตรวจราชการของ ศธ.และ สธ. รวมถึงมีการรายงานผลผ่าน MOE COVID และ Thai Stop Covid Plus

ขณะที่ ศธ.จะพิจารณาความพร้อมของสถานศึกษาสำหรับการเปิดภาคเรียนตามบริบทที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้มีสถานศึกษา 15,465 แห่งที่อยู่ในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด โดยใน 12 จังหวัดมีสถานศึกษา 1,687 แห่งที่อยู่ในเขตพื้นที่ 45 อำเภอปลอดเชื้อ แบ่งเป็นสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 1,305 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 111 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 21 แห่ง และสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 250 แห่ง

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีนให้เด็กจะเป็นไปตามความสมัครใจที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน ส่วนการฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ขณะนี้มีครูได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 70% โดยแผนการจัดสรรวัคซีนในเดือน ต.ค.นี้จะให้สถานศึกษาส่งรายชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยัง ไม่ได้รับวัคซีน เพื่อเร่งจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มครู

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเดย์ ต.ค.ฉีดวัคซีน 24 ล้านโดส เล็ง "ไฟเซอร์" กลุ่ม 12 ปีขึ้นไป

"อนุทิน" เผยไฟเซอร์ 2 ล้านโดสถึงไทย 29 ก.ย. เชื่อแผนฉีดเด็กไร้ปัญหา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง