วันนี้ (22 ก.ย.2564) นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา และนายไพศาล เรืองฤทธิ์ นำผู้เสียหายจากศูนย์บำบัดวัดท่าพุราษฎร์บำรุง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ประมาณ 10 คน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์บำบัดฯ ในข้อหาค้ามนุษย์
หลังก่อนหน้านี้ มีการเข้าช่วยเหลือผู้ที่เข้ารับการบำบัดประมาณ 216 คน ซึ่งหมอปลาได้รับการช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับการร้องเรียน จากกลุ่มอดีตผู้เข้ารับการบำบัด ว่ามีขั้นตอนการบำบัดและรักษาไม่ถูกต้อง ไม่ถูกสุขลักษณะ พบมีการทำร้ายร่างกาย จิตใจ และการให้อดอาหาร
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการเรียกรับเงินในการเข้ารับการบำบัดและเรียกเก็บค่าใช้จ่ายรายเดือน รวมทั้งหากต้องการออกจากศูนย์ จะถูกเรียกเก็บเงิน
แจ้งความกับ สภ.ในพื้นที่ แต่ถูกเพิกเฉย
นายจีรพันธ์ เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียน ตัวเองพร้อมทนายความ และสื่อมวลชนได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ จึงพบสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ ไม่ใช่ลักษณะของศูนย์บำบัดตามมาตรฐาน ตามกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งหลังจากเข้าช่วยเหลือ ตัวเองได้เข้าไปลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ด่านมะขามเตี้ย แต่รู้สึกว่าไม่มั่นใจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ เพราะเพิกเฉย และรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงเข้ามาแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามเพื่อ ให้เกิดการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา
นายจีรพันธ์ กล่าวว่า เงินและทรัพย์สินของผู้บำบัด ขอให้ทางศูนย์บำบัดฯ ติดต่อคืนโดยเร็ว เพราะตอนนี้ยังมีเงินตกค้างอยู่หลักแสนบาท รวมทั้งโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่ได้คืน เพราะเจ้าหน้าที่อ้างว่าเจ้าอาวาสมรณภาพ จึงไม่สามารถดำเนินการได้
พฤติการณ์เข้าข่ายค้ามนุษย์ - ตร.เกี่ยวข้อง
ด้านนายไพศาล ทนายความ กล่าวว่า จากพฤติการณ์ของสถานบำบัดดังกล่าว เข้าข่ายค้ามนุษย์ เนื่องจากมีการทำเป็นขบวนการตั้งแต่จัดหาผู้บำบัด การนำพา การเรียกรับเงินผลประโยชน์ กักขังทรมานทำร้ายทุบตี และที่สำคัญพบมีผู้เสียชีวิตในสถานบำบัดก่อนหน้านี้ 2-3 คน และเหตุการณ์นั้นไม่มีการชันสูตรพลิกศพ
โดยพบว่ามีกลุ่มข้าราชการตำรวจในหลายจังหวัดเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ร้อยเอ็ด นอกจากนี้ ยังมีอาสาสมัครใน จ.กาญจนบุรี ที่นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้ามารับการบำบัดและเรียกรับผลประโยชน์
นายไพศาล กล่าวต่อว่า บางคนไม่ได้เป็นผู้เสพยาเสพติด แต่เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอื่น เช่น ปัญหาการทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกาย ก็จะถูกนำมาไว้ที่แห่งนี้ ตำรวจและเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ต่อรองกับผู้ปกครองว่า หากให้บุตรหลานเข้ารับการบำบัดเป็นเวลา 1 ปี จะไม่ต้องถูกดำเนินคดี แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่าย
เอ็กซเรย์แค่ปอด ไม่ตรวจเลือดหาสารเสพติด
หนึ่งในผู้เสียหาย ระบุว่า หลังจากได้รับการช่วยเหลือรู้สึกดีใจมาก เนื่องจากตัวเองเข้ารับการบำบัดในศูนย์แห่งนี้นาน 9 เดือน ก่อนเข้ารับการบำบัดจะได้รับการเอ็กซเรย์ปอดเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีการตรวจเลือดหาสารเสพติดตามขั้นตอน ส่วนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เหมือนติดคุก ได้กินข้าววันละ 1 มื้อ แต่หากเสียงสวดมนต์ดังไม่พอไม่ถูกใจเจ้าหน้าที่ วันนั้นจะถูกลงโทษ
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน กองปราบปรามรับแจ้งความเอาไว้ เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามคำร้องทุกข์ ขณะเดียวกัน ทางทนายความ และหมอปลาขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำพาผู้เสียหายมาที่ศูนย์บำบัดแห่งนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
ป.ป.ส.ชี้แจงส่งเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบศูนย์บำบัดยาเสพติด วัดดัง
จ่อสั่งปิดศูนย์บำบัดยาเสพติดวัดดัง จ.กาญจนบุรี ละเมิดสิทธิ์ผู้ถูกบำบัด