เว็บไซต์ www.yangna.org ระบุความเป็นมาของต้นยางนาบนถนนสายประวัติศาสตร์ เชียงใหม่ – ลำพูน (พ.ศ.2425 - 2560) โดยเรียบเรียงจากเอกสารโครงการการรักษาฟื้นฟูระบบรากยางนาฯ โดยแบ่งช่วงการเปลี่ยนแปลงถนนต้นยางนาได้ 3 ช่วงเวลาหลัก
ช่วงที่ 1 ต้นยางนาในยุคไม้หมายทางเชียงใหม่-ลำพูน (พ.ศ. 2425-2549)
ถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน (ทางหลวงหมายเลข 106) เป็นเส้นทางคมนาคมทางบก ที่เลียบตามแนวแม่น้ำปิง ในการติดต่อค้าขายระหว่างชาวเมืองเชียงใหม่และเมืองลำพูน มาตั้งแต่พระยามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ หรือมากกว่า 700 ปี
แต่การปลูกต้นยางนาริมถนนดังกล่าว เริ่มมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ (เจ้าอินทนนท์)เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 โดยมหาอำมาตย์โท เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ ได้ปลูกตลอดสองข้างทาง ตั้งแต่เชิงสะพานนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไปจนจรดเขต จ.ลำพูน ใน พ.ศ.2425
ต่อมาในปี พ.ศ.2454 ทางราชการได้นำต้นยางนามาให้ราษฎรช่วยกันปลูกเพื่อความร่มรื่น สวยงามตลอดสองข้างทางในเขต จ.เชียงใหม่ และปลูกต้นขี้เหล็กในเขตจังหวัดลำพูน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของถนนสายนี้จนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ.2546 จ.เชียงใหม่ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางปรับปรุงและแก้ไขปัญหาต้นยางนา บริเวณถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน เพื่อพิจาณาหาแนวทางพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าว แก่ราษฎรที่อาศัยบริเวณสองข้างทาง และผู้ใช้เส้นทางให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลวิธีการและแนวทางที่ถูกต้องในการบำรุงรักษา อนุรักษ์ต้นยาง ให้สามารถคงอยู่ต่อไปโดยไม่เกิดปัญหาแก่ประชาชน
นับแต่นั้นเป็นต้นมา หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินโครงการเพื่ออนุรักษ์ต้นยางนามาอย่างต่อเนื่อง เช่น สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้เข้ามามีบทบาทผลักดันมูลนิธิรักษ์ยางนา เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ และรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของการดูแลต้นยางนา ถนนเชียงใหม่-ลำพูนมากขึ้น
ภาพ : เฟซบุ๊ก เขียว สวย หอม Greenery.Beauty.Scent
ช่วงที่ 2 ยุคการอนุรักษ์ต้นยางนาในช่วง พ.ศ.2550-2557
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.พ.ศ.2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระราชเสาวนีย์เกี่ยวกับต้นยางนาในพื้นที่ อ.สารภี เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดห้องเรียนคอมพิวเตอร์พระราชทาน ณ ศูนย์สงเคราะห์บุคคลปัญญาอ่อน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ณ ศูนย์สุขภาพระรินจินดา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ไว้ว่า
ฝากผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ อย่าให้ใครตัดต้นยางที่ถนนเชียงใหม่-ลำพูน เพราะไม่มีที่ไหนอีกแล้ว
จ.เชียงใหม่ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางปรับปรุงและแก้ไขปัญหาต้นยางนา บริเวณถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน ตามคำสั่งจังหวัดเชียงใหม่ ที่ ๑๐๑๑/๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๒๕ เม.ย. พ.ศ. 2546 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานกรรมการ เพื่อพิจาณาหาแนวทางพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าวแก่ราษฎรที่อาศัยบริเวณสองข้างทาง และผู้ใช้เส้นทางให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลวิธีการและแนวทางที่ถูกต้องในการบำรุงรักษา อนุรักษ์ต้นยางให้สามารถคงอยู่ต่อไปโดยไม่เกิดปัญหาแก่ประชาชน
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เห็นถึงความสำคัญของการดำรงอยู่ของต้นยางนาจึงจัดสรรงบประมาณจำนวน 592,000 บาท มาให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ร่วมกับกลุ่มพฤกษศาสตร์ป่าไม้ ฝ่ายวนวัฒนวิจัยและพฤกษศาสตร์ ทำศัลยกรรมบาดแผลต่าง ๆ ของต้นยางนาเพื่อเป็นตัวอย่างในการจัดการจำนวน 100 ต้น
ต่อมาในวันที่ 16 ม.ค.พ.ศ. 2547 กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 182,600 บาท สำหรับจัดงานพิธีเปิดโครงการอนุรักษ์ต้นยางนาสองข้างถนนสายเชียงใหม่- ลำพูน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิด ณ บริเวณสวนสุขภาพเทศบาล ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และจัดสรรงบประมาณจำนวน 500,000 บาท ให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ดำเนินการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง
ภาพ : เฟซบุ๊ก เขียว สวย หอม Greenery.Beauty.Scent
ในปี พ.ศ. 2548 แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 2 ได้ส่งมอบพื้นที่ถนนสายเชียงใหม่ – ลำพูนและต้นยางนาสองฝั่งถนน ให้อยู่ในความรับผิดชอบดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ และเทศบาลในพื้นที่ช่วยดูแลด้วย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา กรมอุทยานแห่งชาติฯ ไม่ได้จัดสรรเงินงบประมาณ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับโครงการการอนุรักษ์ต้นยางนา ตามแผนงานต่อเนื่องที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เสนอขอแต่อย่างใด
แต่ได้เสนอของบประมาณตามแผนยุทธศาสตร์จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ดำเนินการต่อมาในปีงบประมาณ 2553 และ 2555 โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการสำรวจต้นยางนาทุกต้น พร้อมร่างจัดทำแบบภูมิทัศน์ เป็นต้น
พ.ศ. 2554 ชุมชนทั้ง 5 เทศบาลตำบลและเทศบาลนครเชียงใหม่ ตลอดสายถนนต้นยางนาเชียงใหม่-ลำพูน ได้ริเริ่มรวมกลุ่มจัดตั้งมูลนิธิอนุรักษ์ต้นยางนา พร้อมเสนอการปลูกต้นยางนาเฉลิมพระเกียรติฯ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 9 ต้น ต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
จึงได้ร่วมกับส่วนราชการ ได้แก่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เป็นต้น
ได้ให้การสนับสนุน โดยจัดทำโครงการปลูกต้นยางนาเฉลิมพระเกียรติฯ 84 พรรษา ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบขึ้น ในวันที่ 4 ธ.ค.พ.ศ.2554 โดยต้นยางนาได้มาจากประชาชน รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากเงินงบประมาณองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.ชม.)ในการขนส่งต้นยางนาและการจัดพิธีการเฉลิมพระเกียรติฯ
ภาพ : www.yangna.org
พ.ศ.2556 -2557 มีการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ และการจัดการพื้นที่สีเขียวเมืองเก่าเชียงใหม่ ตามแนวคิดนิเวศประวัติศาสตร์อย่างมีส่วนร่วม
พื้นที่ดำเนินการ คือ พื้นที่เมืองเก่าเชียงใหม่ 5 ชุมชน และเทศบาลตำบลยางเนิ้ง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นพื้นที่นำร่อง มีเครือข่ายเชียงใหม่เขียว สวย หอม มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ร่วมกับโครงการหมอต้นไม้อาสา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันดำเนินงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม
ช่วงที่ 3 ยุคประกาศเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. พ.ศ.2558 ได้มีการประกาศเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฯ ต้นยางนาและต้นขี้เหล็ก โดยคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ 172/2558 โดยอำนาจตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี
โดยกำหนดให้พื้นที่ที่วัดจากศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 ถนนเชียงใหม่ – ลำพูน ออกไปด้านละ 40 เมตร ตั้งแต่ลำเหมืองพญาคำ อ.เมืองเชียงใหม่ ถึงสุดเขต ต.อุโมงค์ อ.ลำพูน จ.ลำพูน ในท้องที่ ต.วัดเกต ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ ต.หนองผึ้ง ต.ยางเนิ้ง และ ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และในท้องที่ ต.อุโมงค์ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูนเป็นพื้นที่ ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
วันที่ 17 พ.ค.พ.ศ.2559 เกิดพายุหมุนโค่นต้นยางนา สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนราษฎรบนสองฝั่งถนนเป็นอย่างมาก และในวันที่ 8 มิ.ย. พ.ศ.2559 คณะกรรมการคุ้มครองยางนาฯ จึงได้ประชุมหารือถึงมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนแก่ประชาชน
ภาพ : www.yangna.org
ในปี พ.ศ.2560 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์ฟื้นฟูต้นยางนา ในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม อ.สารภี ภายใต้โครงการพัฒนาเมืองและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ.2560 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ประกาศให้ต้นยางนา ถนนเชียงใหม่-ลำพูนบริเวณหน้าวัดสารภี ได้เป็น 1 ใน 65 แห่ง ในโครงการ “วัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวต้นไม้ใหญ่ รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ซึ่งถือว่าเป็นการตอกย้ำความสำคัญและศักยภาพของพื้นที่เป็นอย่างดี รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายของการท่องเที่ยวที่เน้นให้เกิดการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อประโยชน์ของชุมชนท้องถิ่น
ภาพ : เฟซบุ๊ก เขียว สวย หอม Greenery.Beauty.Scent
ปัจจุบันต้นยางนาสองฝั่งถนน ได้รับผลกระทบจากแนวทางการพัฒนาเมืองในอดีต ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญกับมิติทางสิ่งแวดล้อมมากเท่าที่ควร จนนำไปสู่การเริ่มทรุดโทรม หักโค่น ล้มตาย สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน ร้านค้า และผู้ใช้เส้นทางสัญจรไปมา
สถานการณ์ปัญหานับวันจะรุนแรงขึ้น เนื่องจากขาดความสม่ำเสมอในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลต่อความไม่เชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อการฟื้นฟู ดูแล และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าจากกรณีต้นยางนาหักโค่น
รวมทั้งสร้างความขัดแย้งในพื้นที่ระหว่างประชาชนที่อยู่ใต้ต้นยางนา ที่ต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยของผู้คนเป็นอันดับแรก ในขณะที่ประชาชนที่อยู่ห่างจากต้นยางออกไปมีความเห็นว่าต้องอนุรักษ์ต้นยางนาเอาไว้ก่อนเป็นประการแรก เป็นต้น
แม้ภาครัฐ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน ต่างก็พยายามร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หากก็ยังล่าช้า และยังไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่า สถานการณ์ของต้นยางนาเชียงใหม่–ลำพูน จะเป็นไปในทางทิศทางใด จะนำไปสู่การจัดการอย่างยั่งยืนได้อย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์จากการดำรงอยู่ของต้นยางนาทั้งในปัจจุบันและอนาคต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชาวบ้านผวา! หวั่นล้มซ้ำวอนรัฐเร่งตัดกิ่ง "ยางนา"
ต้นยางนาริมถนนสาย "เชียงใหม่-ลำพูน" ล้มทับบ้านเรือนเสียหาย