วันนี้ (11 ต.ค.2564) ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีผู้ประกอบการในโครงการ "เราชนะ" รายหนึ่งโพสต์ภาพจดหมายจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อเรียกเงินคืน 17 ล้านบาท โดยระบุเหตุผลว่า ผู้ประกอบการดังกล่าวมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการ และไม่ได้จัดส่งเอกสารชี้แจงโต้แย้งมาภายในระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามความยินยอมที่ได้ให้ไว้ขณะเข้าร่วมโครงการฯ ให้คืนเงินภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือนี้
กรณีดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย โดยเห็นว่ารัฐบาลควรให้เงินสดผู้ได้รับความเดือดร้อน มากกว่าการเป็นวงเงินใช้จ่ายสินค้าเพียงอย่างเดียว
ขณะที่นายพรชัย ฐีระเวช ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า โครงการ "เราชนะ" เป็นโครงการใช้เงินกู้ จึงจำเป็นต้องออกแบบมาตรการเพื่อให้ตรงวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด และผู้เข้าร่วมโครงการได้ลงนามยอมรับเงื่อนไขโครงการแล้ว แต่จากการดำเนินโครงการก็พบปัญหาการสแกนแลกเงินสด หรือการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข
นายพรชัย กล่าวอีกว่า หากระบบของธนาคารกรุงไทยตรวจสอบพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ก็จะรวบรวมข้อมูลเสนอ สศค. ซึ่งร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการตัดสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการ และเรียกเงินคืนตามจำนวนที่ระบบตรวจพบว่าเป็นธุรกรรมที่ผิดปกติ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นหากผู้ประกอบการรายดังกล่าวไม่เห็นด้วย สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 15 วัน ทั้งนี้ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดยอดวงเงินที่สูงถึง 17 ล้านบาท เนื่องจากเป็นรายละเอียดทางข้อกฎหมาย