วันนี้ (15 ต.ค.2564) นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนให้ใช้ประโยชน์จากพืชกัญชง (Hemp) สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน
ได้ลงนามในกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. 2563 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา
เปิดกว้างให้ทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน ประชาชนทั่วไปสามารถขออนุญาต และนำกัญชงไปใช้ในทุกวัตถุประสงค์ ตั้งแต่การแพทย์ การศึกษา วิจัย การใช้ตามวิถีชีวิต ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ และการค้า เพื่อนำส่วนต่าง ๆ ของกัญชงไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ ทั้งยา อาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นต้น
ซึ่งหลังจากการปลดล็อคกัญชง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้สนใจต้องการขออนุญาตเป็นจำนวนมาก ทั้งต้นน้ำเพื่อปลูกกัญชง กลางน้ำเพื่อสกัดสารสกัดจากกัญชง และปลายน้ำเพื่อนำผลผลิตไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ขณะนี้มีผู้ขออนุญาตผลิต (ปลูก) เชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม โดยได้รับอนุญาตแล้ว 324 ราย เนื้อที่ 3,250 ไร่ และอยู่ในระหว่างออกใบอนุญาต 127 ราย และขออนุญาตเพื่อศึกษาวิเคราะห์ วิจัย หรือปรับปรุงพันธุ์ ได้รับอนุญาตแล้ว 34 ราย และอยู่ในระหว่างออกใบอนุญาต 11 ราย
สำหรับในส่วนของการนำเข้า มีผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง 86 ราย จำนวน 6,179,304 เมล็ด มูลค่า 926,895,600 บาท ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ต.ค.2564)
อย.พร้อมส่งเสริมกัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ พร้อมสนับสนุนให้มีการแปรรูปเพื่อส่งออก
อ่านข่าวอื่น ๆ
มธ.-เอกชน เจรจานำเข้า "ไฟเซอร์-โมเดอร์นา" 10 ล้านโดส
ฟังหรือยัง? วงเกาหลี "P1HARMONY" ร้องเพลง "เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน"
กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลเปิดภาพ "สองกาแล็กซี" ที่กำลังชนกัน